7 ไอเดียจัดสวน ให้บ้านสวยถูกใจไม่มีเบื่อ

7 ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน

7 ไอเดียจัดสวน
การจัดสวนพื้นที่หน้าบ้านจะช่วยเพิ่มให้บ้านดูมีความน่าอยู่และทำให้บ้านมีความร่มรื่นมากยิ่งขึ้น
วันนี้เว็บไซต์ของเราจึงได้รวมไอเดียการจัดสวนหน้าบ้านมาเป็นแนวทางการจัดสวนให้ทุกท่าน
บอกเลยว่าพื้นที่กว้างหรือพื้นที่แคบก็สามารถจัดสวนได้
การจัดสวนยังเป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าหลังการทำงานได้อีกด้วย
เพราะเมื่อได้มองสวนสวยสีเขียวผสานกับดอกไม้จะทำให้เราดูสดชื่นมากยิ่งขึ้น

หลักการจัดสวนที่ง่ายสามารถทำได้เลยด้วยตนเอง

สำหรับท่านใดที่กำลังนึกอยากจะจัดสวน
แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีวันนี้เรามีหลักการจัดสวนที่ง่ายมากมาแนะนำให้กับทุกท่าน
สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการจัดสวนในรูปแบบและสไตล์ของท่านได้เลย

การสำรวจพื้นที่ในการจัดสวน

ก่อนการจัดสวนแน่นอนเลยว่าควรมีการสำรวจพื้นที่คร่าวๆ ก่อน เราควรจะสวนไปในแนวไหน
ทิศทางของแดดและลมมาในแนวใดจึงจะทำให้ต้นไม้ของเราดูมีความสวยงาม

ดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูก

หลังจากที่เราทำการสำรวจพื้นที่ในการจัดสวนเรียบร้อยแล้ว
เราควรดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูกให้เหมาะกับขนาดพื้นที่สวนของเรา
หากพื้นที่ไม่เยอะแนะนำให้เป็นต้นไม้ต้นเล็กเพื่อที่จะไม่ทำให้บ้านดูอึดอัดมากเกินไปและพื้นที่สวนอย่างมีพื้นที่ใช้สอ
ยได้อีกด้วย

ร่างรูปแบบสวนว่าอยากได้ประมาณไหน

เมื่อดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูกเรียบร้อยแล้วก็นำมาร่างรูปแบบสวน
จัดวางต้นไม้ตามรูปแบบที่เราต้องการเพื่อเป็นแนวทางในการจัดสวนให้ตรงไปตามความต้องการของเรา

ทำการปรับหน้าดินและเคลียร์พื้นที่ในสวน

ทำการปรับหน้าดินและเคลียร์พื้นที่ในส่วนที่ต้องการปลูกต้นไม้และเตรียมขุดหลุมหรือเตรียมทำทางระบายน้ำการวางท่อน้ำไว้
ให้ดี เพื่อที่จะทำให้เราสะดวกสบายในการรดน้ำต้นไม้

จัดเตรียมปลูกต้นไม้ได้เลย

หลังจากที่ทำทั้ง 4 ข้อเสร็จสิ้นไม่ว่าจะเป็นดูต้นไม้ที่ปลูก การร่างรูปแบบสวน
และการเตรียมหน้าดินพร้อมกับวางท่อน้ำ หลังจากนั้นก็จะเตรียมปลูกต้นไม้ตามแผนที่เราวางไว้ได้เลย

แจกไอเดียการแต่งสวนครบทุกสไตล์ช่วยให้บ้านน่าอยู่

สวนบาหลี

1. การแต่งสวนในแบบสไตล์บาหลี

การแต่งสวนในสไตล์นี้จะเน้นในการใช้ต้นไม้ที่เป็นเขตของเมืองร้อน ไม่ว่าจะเป็นต้นลั่นทม ต้นไผ่
โดยนำมาผสมผสานกับตัวรูปปั้นที่ทำให้สวนดูมีความน่าสนใจมากขึ้น
การตกแต่งสวนในสไตล์บาหลีจะเน้นไปในส่วนของความลึกลับซับซ้อนและมีความน่าค้นหา
แต่บอกเลยว่าการตกแต่งสวนในสไตล์บาหลีนั้นให้ความร่มรื่นของบ้านได้เป็นอย่างดีมากเลยที่

สวนฝรั่งเศษ

2. การแต่งสวน ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน ในสไตล์ฝรั่งเศส

การตกแต่งสวน ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน ในสไตล์ฝรั่งเศสนั้น จะเน้นไปในรูปแบบของสวนที่มีความเป็นระเบียบ
มีความสบายตา ที่สำคัญยังผสมผสานมาด้วยรูปทรงของเรขาคณิตในรูปแบบต่างๆ
โดยส่วนในสไตล์ฝรั่งเศสนั้นจะมีการวางแบบแผนไว้เป็นอย่างดี
ทำให้สวนมีความสวยและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
การตกแต่งสวนในสไตล์รูปแบบนี้จะทำให้ผู้อยู่อาศัยเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของเทพนิยายเลยก็ว่าได้

3. การตกแต่งสวนในรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่น

การตกแต่งสวนในสไตล์ญี่ปุ่นนั้นจะเน้นในเรื่องของการทำสวนแบบแห้ง
มีความเรียบง่ายโดยส่วนของญี่ปุ่นนั้นมักจะปูพื้นไปด้วยหินกรวดหรือทรายที่เป็นก้อนเล็ก
ทำให้ดูมีความสบายตามีความสงบและมีเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์ของสวนในรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

สวนสไตล์โมเดิร์น

4. การแต่งสวนสไตล์โมเดิร์น

การแต่งสวนในรูปแบบนี้จะเลือกใช้เฉพาะต้นไม้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีรูปทรงพิเศษเมื่อนำมาจัดวางรวมกันจะทำให้ส่วนนั้นดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้นการจัดสวนในรูปแบบนี้จะเน้นความทันสมัยและมีสไตล์ความเป็นตัวเองมีความเรียบง่ายสะอาดตาแต่แฝงไปด้วยความร่มรื่นและความน่าหลงใหล

5. สวน Tropical

เป็นการจัดสวนที่มีความคล้ายกับป่าธรรมชาติมาก เป็นสวนที่เหมาะสำหรับสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ให้บรรยากาศที่มีความร่มรื่น พรรณไม้ที่นิยมนำมาใช้ในสไตล์ทรอปิคัล จะเน้นไปที่พืชพรรณรูปฟอร์มใบสวยงามแบบธรรมชาติ เช่น เฟิร์น, กล้วยไม้, ชายผ้าสีดา ร่มรื่นไปด้วยโทนสีเขียวหลากหลายเฉด และจะนิยมปลูกด้วยพรรณไม้ชนิดใบมากกว่าชนิดดอก พรรณไม้ส่วนใหญ่จึงเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศมีฟอร์มและรูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต้องอาศัยการตัดแต่งมากนัก

สวนอังกฤษ

6. สวนอังกฤษ

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวนสไตล์อังกฤษกันก่อน การจัดสวนสไตล์อังกฤษจะเน้นการปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มมีเนินเพื่อเล่นระดับสายตา การทำซุ้มไม้เลื้อย และปูหญ้าเป็นพื้นเขียวตัดด้วยสีสันของดอกไม้นานาชนิดและสีขาวจากเครื่องใช้หรือของตกแต่ง โดยเป็นการจัดสวนสไตล์อังกฤษที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ผสมผสานพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดให้ดูเป็นธรรมชาติ ตกแต่งด้วยประติมากรรม น้ำพุ หรือโต๊ะน้ำชาตามแบบยุโรป อีกทั้งยังเป็นการจัดสวนสไตล์อังกฤษที่ใช้พื้นที่ใช้สอยน้อยเหมาะกับการจัดสวนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

7. สวนหิน ทราย

เป็นสวนที่ผสมผสานหินหลากหลายขนาด และต้นไม้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ เลือกรูปทรงหินให้มีความโดดเด่น และเพิ่มหินกรวดก้อนเล็กปูตามพื้น โดยเลือกเฉดสีที่เข้ากัน อาจจะก่อหินเป็นเนินให้มีระดับสูงต่ำ ให้อารมย์เหมือนประเทศที่มีอากาศร้อน และแห้งแล้ง หากจัดวางให้ดีก็เท่แวกแนวต่างจากสวนแบบอื่นๆ หรือบางคนจะเห็นได้ตามบ้านที่ชอบความเรียบหรู โดดเด่น

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

7 ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน

7 ไอเดียจัดสวน
การจัดสวนพื้นที่หน้าบ้านจะช่วยเพิ่มให้บ้านดูมีความน่าอยู่และทำให้บ้านมีความร่มรื่นมากยิ่งขึ้น
วันนี้เว็บไซต์ของเราจึงได้รวมไอเดียการจัดสวนหน้าบ้านมาเป็นแนวทางการจัดสวนให้ทุกท่าน
บอกเลยว่าพื้นที่กว้างหรือพื้นที่แคบก็สามารถจัดสวนได้
การจัดสวนยังเป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าหลังการทำงานได้อีกด้วย
เพราะเมื่อได้มองสวนสวยสีเขียวผสานกับดอกไม้จะทำให้เราดูสดชื่นมากยิ่งขึ้น

หลักการจัดสวนที่ง่ายสามารถทำได้เลยด้วยตนเอง

สำหรับท่านใดที่กำลังนึกอยากจะจัดสวน
แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีวันนี้เรามีหลักการจัดสวนที่ง่ายมากมาแนะนำให้กับทุกท่าน
สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการจัดสวนในรูปแบบและสไตล์ของท่านได้เลย

การสำรวจพื้นที่ในการจัดสวน

ก่อนการจัดสวนแน่นอนเลยว่าควรมีการสำรวจพื้นที่คร่าวๆ ก่อน เราควรจะสวนไปในแนวไหน
ทิศทางของแดดและลมมาในแนวใดจึงจะทำให้ต้นไม้ของเราดูมีความสวยงาม

ดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูก

หลังจากที่เราทำการสำรวจพื้นที่ในการจัดสวนเรียบร้อยแล้ว
เราควรดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูกให้เหมาะกับขนาดพื้นที่สวนของเรา
หากพื้นที่ไม่เยอะแนะนำให้เป็นต้นไม้ต้นเล็กเพื่อที่จะไม่ทำให้บ้านดูอึดอัดมากเกินไปและพื้นที่สวนอย่างมีพื้นที่ใช้สอ
ยได้อีกด้วย

ร่างรูปแบบสวนว่าอยากได้ประมาณไหน

เมื่อดูต้นไม้ที่เราต้องการปลูกเรียบร้อยแล้วก็นำมาร่างรูปแบบสวน
จัดวางต้นไม้ตามรูปแบบที่เราต้องการเพื่อเป็นแนวทางในการจัดสวนให้ตรงไปตามความต้องการของเรา

ทำการปรับหน้าดินและเคลียร์พื้นที่ในสวน

ทำการปรับหน้าดินและเคลียร์พื้นที่ในส่วนที่ต้องการปลูกต้นไม้และเตรียมขุดหลุมหรือเตรียมทำทางระบายน้ำการวางท่อน้ำไว้
ให้ดี เพื่อที่จะทำให้เราสะดวกสบายในการรดน้ำต้นไม้

จัดเตรียมปลูกต้นไม้ได้เลย

หลังจากที่ทำทั้ง 4 ข้อเสร็จสิ้นไม่ว่าจะเป็นดูต้นไม้ที่ปลูก การร่างรูปแบบสวน
และการเตรียมหน้าดินพร้อมกับวางท่อน้ำ หลังจากนั้นก็จะเตรียมปลูกต้นไม้ตามแผนที่เราวางไว้ได้เลย

แจกไอเดียการแต่งสวนครบทุกสไตล์ช่วยให้บ้านน่าอยู่

สวนบาหลี

1. การแต่งสวนในแบบสไตล์บาหลี

การแต่งสวนในสไตล์นี้จะเน้นในการใช้ต้นไม้ที่เป็นเขตของเมืองร้อน ไม่ว่าจะเป็นต้นลั่นทม ต้นไผ่
โดยนำมาผสมผสานกับตัวรูปปั้นที่ทำให้สวนดูมีความน่าสนใจมากขึ้น
การตกแต่งสวนในสไตล์บาหลีจะเน้นไปในส่วนของความลึกลับซับซ้อนและมีความน่าค้นหา
แต่บอกเลยว่าการตกแต่งสวนในสไตล์บาหลีนั้นให้ความร่มรื่นของบ้านได้เป็นอย่างดีมากเลยที่

สวนฝรั่งเศษ

2. การแต่งสวน ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน ในสไตล์ฝรั่งเศส

การตกแต่งสวน ไอเดียจัดสวนหน้าบ้าน ในสไตล์ฝรั่งเศสนั้น จะเน้นไปในรูปแบบของสวนที่มีความเป็นระเบียบ
มีความสบายตา ที่สำคัญยังผสมผสานมาด้วยรูปทรงของเรขาคณิตในรูปแบบต่างๆ
โดยส่วนในสไตล์ฝรั่งเศสนั้นจะมีการวางแบบแผนไว้เป็นอย่างดี
ทำให้สวนมีความสวยและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
การตกแต่งสวนในสไตล์รูปแบบนี้จะทำให้ผู้อยู่อาศัยเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของเทพนิยายเลยก็ว่าได้

3. การตกแต่งสวนในรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่น

การตกแต่งสวนในสไตล์ญี่ปุ่นนั้นจะเน้นในเรื่องของการทำสวนแบบแห้ง
มีความเรียบง่ายโดยส่วนของญี่ปุ่นนั้นมักจะปูพื้นไปด้วยหินกรวดหรือทรายที่เป็นก้อนเล็ก
ทำให้ดูมีความสบายตามีความสงบและมีเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์ของสวนในรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

สวนสไตล์โมเดิร์น

4. การแต่งสวนสไตล์โมเดิร์น

การแต่งสวนในรูปแบบนี้จะเลือกใช้เฉพาะต้นไม้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีรูปทรงพิเศษเมื่อนำมาจัดวางรวมกันจะทำให้ส่วนนั้นดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้นการจัดสวนในรูปแบบนี้จะเน้นความทันสมัยและมีสไตล์ความเป็นตัวเองมีความเรียบง่ายสะอาดตาแต่แฝงไปด้วยความร่มรื่นและความน่าหลงใหล

5. สวน Tropical

เป็นการจัดสวนที่มีความคล้ายกับป่าธรรมชาติมาก เป็นสวนที่เหมาะสำหรับสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ให้บรรยากาศที่มีความร่มรื่น พรรณไม้ที่นิยมนำมาใช้ในสไตล์ทรอปิคัล จะเน้นไปที่พืชพรรณรูปฟอร์มใบสวยงามแบบธรรมชาติ เช่น เฟิร์น, กล้วยไม้, ชายผ้าสีดา ร่มรื่นไปด้วยโทนสีเขียวหลากหลายเฉด และจะนิยมปลูกด้วยพรรณไม้ชนิดใบมากกว่าชนิดดอก พรรณไม้ส่วนใหญ่จึงเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศมีฟอร์มและรูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต้องอาศัยการตัดแต่งมากนัก

สวนอังกฤษ

6. สวนอังกฤษ

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวนสไตล์อังกฤษกันก่อน การจัดสวนสไตล์อังกฤษจะเน้นการปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มมีเนินเพื่อเล่นระดับสายตา การทำซุ้มไม้เลื้อย และปูหญ้าเป็นพื้นเขียวตัดด้วยสีสันของดอกไม้นานาชนิดและสีขาวจากเครื่องใช้หรือของตกแต่ง โดยเป็นการจัดสวนสไตล์อังกฤษที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ผสมผสานพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดให้ดูเป็นธรรมชาติ ตกแต่งด้วยประติมากรรม น้ำพุ หรือโต๊ะน้ำชาตามแบบยุโรป อีกทั้งยังเป็นการจัดสวนสไตล์อังกฤษที่ใช้พื้นที่ใช้สอยน้อยเหมาะกับการจัดสวนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

7. สวนหิน ทราย

เป็นสวนที่ผสมผสานหินหลากหลายขนาด และต้นไม้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ เลือกรูปทรงหินให้มีความโดดเด่น และเพิ่มหินกรวดก้อนเล็กปูตามพื้น โดยเลือกเฉดสีที่เข้ากัน อาจจะก่อหินเป็นเนินให้มีระดับสูงต่ำ ให้อารมย์เหมือนประเทศที่มีอากาศร้อน และแห้งแล้ง หากจัดวางให้ดีก็เท่แวกแนวต่างจากสวนแบบอื่นๆ หรือบางคนจะเห็นได้ตามบ้านที่ชอบความเรียบหรู โดดเด่น

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

10 คู่สี แต่งบ้าน

10 คู่สี แต่งบ้าน

คู่สี
  การสร้างบ้านสักหลังนอกจากดีไซน์ที่มีความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแล้วนั้นการเลือกสีที่มาตกแต่งบ้านก็จะช่วยสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย สีเป็นหนึ่งในส่วนที่ช่วยทำให้อารมณ์หรือ mood ในบ้านมันมีความแตกต่างกันออกไปอยากให้อารมณ์ในบ้านสะท้อนออกมาเป็นรูปแบบใดสไตล์ไหนแนะนำว่าควรเลือกใช้คู่สีให้เป็น.

แนะนำเคล็ดลับการเลือกสีบ้านให้โดนใจ

   การเลือกสีบ้านให้โดนใจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากอยากให้บ้านมีความรู้สึกและบรรยากาศออกไปในรูปแบบไหนก็ควรเลือกสีบ้านให้เป็นไปตามสไตล์ที่ท่านต้องการวันนี้เราจึงจะมาแนะนำเคล็ดลับการเลือกสีบ้านให้โดนใจสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างบ้านในรูปแบบของท่านได้เลย.

1. การเลือกสีตามความสว่างของธรรมชาติ

สำหรับบ้านที่มีแดดส่องเข้ามาน้อยและบรรยากาศภายในบ้านค่อนข้างดูอึมครึม
แนะนำว่าควรเลือกสีสว่างตามธรรมชาติคนนั้นเป็นสีขาวเพราะจะทำให้บ้านดูกว้างขึ้น
ดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้นและทำให้ตัวบ้านไม่ดูน่าอึดอัด.

2. การเลือกสีบ้านตามประเภทของห้อง

ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกใช้สีทาบ้านตามประเภทของห้องที่ท่านต้องการได้เลยเลือกได้ความต้องการไม่ว่าจะเป็นสีห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องครัวก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบเพื่อทำให้บ้านดูไม่น่าเบื่อมากเกินไปและดูไม่ซ้ำจำเจ.

3. การเลือกโทนสีบ้านให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์

เลือกสีบ้านให้เข้ากับตัวเฟอร์นิเจอร์มากที่สุด เพราะจะทำให้บ้านดูคุมโทนและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นหรือหากไม่อยากให้ภายในบ้านนั้นดูคุมโทนไปในแนวเดียวกันมากเกินไปมันก็สามารถเลือกสีที่ตัดกับสีเฟอร์นิเจอร์ของท่านได้โดยใช้หลักการทฤษฎีสี

โทนสีแต่งบ้านจับคู่อย่างไรให้ดูลงตัวที่สุด

  สำหรับท่านใดที่กำลังอยากตกแต่งบ้านใหม่หรือห้องใหม่แต่ยังเลือกโทนสีไม่ได้เลือกอย่างไรก็ไม่ตรงใจสักทีวันนี้เราจึงขอมาแนะนำไอเดียการจับคู่โทนสีให้กับทุกท่านเพื่อให้ท่านได้นำไปเป็นแนวทางในการใช้ตกแต่งบ้านหรือห้องนอนของท่านให้ดูตอบโจทย์และตรงใจของท่านมากที่สุดตามไปดูกับเรากันเลยว่าการจับคู่สีในรูปแบบไหนจะช่วยให้ดูตรงใจและนั่งอยู่มากที่สุด.

คู่สีแต่งบ้าน01

1. การจับคู่สีโดยใช้สีชมพูเข้ม – สีเทา

สำหรับการตกแต่งบ้านที่อยากให้บ้านเป็นในโทนชมพูแต่ไม่ได้อยากเป็นชมพูจ๋าจนดูเหรียญหรือหวานมากเกินไปดังนั้นการเลือกใช้สีชมพูเข้มมาตัดกับสีเทาจะช่วยให้บ้านดูดีมีสไตล์ดูมีความโมเดิร์นมากยิ่งขึ้นแต่ยังแฝงไปด้วยความน่ารักมาค้นหาโดยสีชมพู.

คู่สีแต่งบ้าน02

2. การจับคู่สีโดยใช้สีเทา – สีน้ำตาล

สำหรับคนที่อยากให้บ้านหรือห้องนอนออกมามีสไตล์แท้ไม่จืดชืดจนเกินไปแนะนำว่าให้จับคู่สีโดยใช้สีเทากับสีน้ำตาล เพราะจะทำให้บ้านมีความสามารถมากยิ่งขึ้นดูอบอุ่นมากขึ้น การเลือกใช้ 2 สีนี้ยังทำให้บ้านดูมีเสน่ห์ชวนน่าค้นหาและน่าอยู่เป็นอย่างมาก.

คู่สีแต่งบ้าน03

3. การจับ คู่สีใช้แต่งบ้าน สีน้ำเงิน – สีส้ม

การเลือกใช้ทั้ง 2 สีนี้อาจดูมีความแตกต่างกันสุดขั้วบอกเลยว่าเมื่อนำมาผสมผสานกันแล้วมีความลงตัวเป็นอย่างมากเพราะตัวสีน้ำเงินที่นำมาตัดสินกับสีส้มนั้นจะทำให้ห้องดูมีความน่าสนใจและไม่อึมครึมมากเกินไปแล้วตัวสีส้มยังทำให้ห้องหรือบ้านของท่านโดดเด่นมากยิ่งขึ้นและดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอีกด้วย.

คู่สีแต่งบ้าน04

4. การจับคู่สีโดยใช้สีแดง – สีเทา

การจับคู่สีในรูปแบบนี้จะทำให้บ้านดูเรียบหรูและมีสไตล์มากยิ่งขึ้น รู้จักว่าตัวสีเทาจะทำให้บ้านดูมีความ Modern และตัดไปด้วยสีแดงจะทำให้บ้านดูมีสไตล์มีความ Luxury มากขึ้นเป็นหนึ่งในคู่สีที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมากในการนำมาตกแต่งบ้าน.

คู่สีแต่งบ้าน05

5. การจับคู่สีเขียว – สีขาว

สำหรับท่านใดที่อยากให้บ้านดูมีความเป็นธรรมชาติและมีความสบายตา แนะนำว่าควรเลือกใช้คู่สีเขียวกับสีขาวเพราะจะทำให้บ้านดูมีความเป็นธรรมชาติแต่แนะนำว่าบ้านที่ตกแต่งโดยใช้คู่สีนี้ควรจะมีบรรยากาศภายในห้องเป็นสไตล์ไม้หรือตัดไปด้วยสีน้ำตาลสักนิดนึงจะช่วยให้บ้านดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

คู่สีแต่งบ้าน06

6. การจับคู่สีโดยเลือกใช้สีฟ้า – สีขาว

สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบความเรียบหรูอยู่สบายต้องการให้บ้านหรือห้องมีความสบายตาแนะนำว่าให้เลือกโทนสีนี้เพราะจะทำให้บ้านดูมีความมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นดูเรียบง่ายสบายตาแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความน่าอยู่ของตัวบ้านหากอยากให้บ้านมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกสักหน่อยแนะนำว่าให้ตัดไปด้วยสีเทาสักเล็กน้อย.

คู่สีแต่งบ้าน07

7. การจับ คู่สีใช้แต่งบ้าน สีขาว-ดำ

คู่สีขาว-ดำ คู่สีธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และเป็นคู่สีที่คนนิยมใช้กันมาก โดยสามารถใช้ได้หลาหหลายแนวเราสามารถผสมสีของไม้ สีเข้ม-อ่อน เข้าไปเพิ่มเพื่อความลงตัวหรือจะใช้เป็นขาวล้วน ดำล้วนก็ได้

คู่สีแต่งบ้าน08

8. การจับคู่สีขาว-น้ำตาล

คู่สีให้ความรู้สึกอบอุ่น ใช้ในบ้านสไตล์มินิมอล โมเดิร์น ดูสบายตา เน้นใช้วัสดุสีอ่อน น้ำตาลอ่อนหรือขาวสลับกัน.

คู่สีแต่งบ้าน09

9. การจับคู่สีขาว-เหลือง

สีเหลือง เป็นสีแห่งสติปัญญา การหยั่งรู้  เป็นสีที่ให้ความสุข ความเบิกบาน มีชิวิตชีวา ใช้ในงานเฉลิมฉลองเป็นสีของความแจ่มใส

คู่สีแต่งบ้าน10

10. การจับคู่สีขาว-ส้ม

สีส้ม แสดงถึงความสดใส ร่าเริง อิสระทางความคิด เปี่ยมไปด้วยพลังงานและความทะเยอทะยาน ผสมกับสีขาวที่เป็นสีที่เข้ากับหลากหลายสีได้ดีก็เพิ่มความน่าสนใจให้กับคู่สีนี้ ใครที่จะใช้คู่สีนี้ลองใช้กับห้องนั่งเล่น ห้องทำงานดู น่าจะช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มพลังงานได้ดีทีเดียว.

เผยความเป็นตัวตนของท่านด้วยสไตล์การเลือกสี

การเลือกสีในการตกแต่งบ้านหรือการสร้างบ้านนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เผยความเป็นตัวตนของท่านได้เป็นอย่างนี้วันนี้หากท่านไหนที่มีแพลนอยากตกแต่งห้องหรือตกแต่งบ้านสามารถนำคู่สีที่เราแนะนำให้กับท่านไปปรับใช้ในรูปแบบการสร้างบ้านของท่านได้เลย การันตีว่าท่านจะได้บ้านที่มีความสวยงามลงตัวและไม่น่าเบื่ออีกต่อไปอย่างแน่นอน

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

10 คู่สี แต่งบ้าน

คู่สี
  การสร้างบ้านสักหลังนอกจากดีไซน์ที่มีความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแล้วนั้นการเลือกสีที่มาตกแต่งบ้านก็จะช่วยสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย สีเป็นหนึ่งในส่วนที่ช่วยทำให้อารมณ์หรือ mood ในบ้านมันมีความแตกต่างกันออกไปอยากให้อารมณ์ในบ้านสะท้อนออกมาเป็นรูปแบบใดสไตล์ไหนแนะนำว่าควรเลือกใช้คู่สีให้เป็น.

แนะนำเคล็ดลับการเลือกสีบ้านให้โดนใจ

   การเลือกสีบ้านให้โดนใจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากอยากให้บ้านมีความรู้สึกและบรรยากาศออกไปในรูปแบบไหนก็ควรเลือกสีบ้านให้เป็นไปตามสไตล์ที่ท่านต้องการวันนี้เราจึงจะมาแนะนำเคล็ดลับการเลือกสีบ้านให้โดนใจสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างบ้านในรูปแบบของท่านได้เลย.

1. การเลือกสีตามความสว่างของธรรมชาติ

สำหรับบ้านที่มีแดดส่องเข้ามาน้อยและบรรยากาศภายในบ้านค่อนข้างดูอึมครึมแนะนำว่าควรเลือกสีสว่างตามธรรมชาติคนนั้นเป็นสีขาวเพราะจะทำให้บ้านดูกว้างขึ้นดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้นและทำให้ตัวบ้านไม่ดูน่าอึดอัด.

2. การเลือกสีบ้านตามประเภทของห้อง

ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกใช้สีทาบ้านตามประเภทของห้องที่ท่านต้องการได้เลยเลือกได้ความต้องการไม่ว่าจะเป็นสีห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องครัวก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบเพื่อทำให้บ้านดูไม่น่าเบื่อมากเกินไปและดูไม่ซ้ำจำเจ.

3. การเลือกโทนสีบ้านให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์

เลือกสีบ้านให้เข้ากับตัวเฟอร์นิเจอร์มากที่สุด เพราะจะทำให้บ้านดูคุมโทนและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นหรือหากไม่อยากให้ภายในบ้านนั้นดูคุมโทนไปในแนวเดียวกันมากเกินไปมันก็สามารถเลือกสีที่ตัดกับสีเฟอร์นิเจอร์ของท่านได้โดยใช้หลักการทฤษฎีสี

โทนสีแต่งบ้านจับคู่อย่างไรให้ดูลงตัวที่สุด

  สำหรับท่านใดที่กำลังอยากตกแต่งบ้านใหม่หรือห้องใหม่แต่ยังเลือกโทนสีไม่ได้เลือกอย่างไรก็ไม่ตรงใจสักทีวันนี้เราจึงขอมาแนะนำไอเดียการจับคู่โทนสีให้กับทุกท่านเพื่อให้ท่านได้นำไปเป็นแนวทางในการใช้ตกแต่งบ้านหรือห้องนอนของท่านให้ดูตอบโจทย์และตรงใจของท่านมากที่สุดตามไปดูกับเรากันเลยว่าการจับคู่สีในรูปแบบไหนจะช่วยให้ดูตรงใจและนั่งอยู่มากที่สุด.

คู่สีแต่งบ้าน01

1. การจับคู่สีโดยใช้สีชมพูเข้ม – สีเทา

สำหรับการตกแต่งบ้านที่อยากให้บ้านเป็นในโทนชมพูแต่ไม่ได้อยากเป็นชมพูจ๋าจนดูเหรียญหรือหวานมากเกินไปดังนั้นการเลือกใช้สีชมพูเข้มมาตัดกับสีเทาจะช่วยให้บ้านดูดีมีสไตล์ดูมีความโมเดิร์นมากยิ่งขึ้นแต่ยังแฝงไปด้วยความน่ารักมาค้นหาโดยสีชมพู.

คู่สีแต่งบ้าน02

2. การจับคู่สีโดยใช้สีเทา – สีน้ำตาล

สำหรับคนที่อยากให้บ้านหรือห้องนอนออกมามีสไตล์แท้ไม่จืดชืดจนเกินไปแนะนำว่าให้จับคู่สีโดยใช้สีเทากับสีน้ำตาล เพราะจะทำให้บ้านมีความสามารถมากยิ่งขึ้นดูอบอุ่นมากขึ้น การเลือกใช้ 2 สีนี้ยังทำให้บ้านดูมีเสน่ห์ชวนน่าค้นหาและน่าอยู่เป็นอย่างมาก.

คู่สีแต่งบ้าน03

3. การจับ คู่สีใช้แต่งบ้าน สีน้ำเงิน – สีส้ม

การเลือกใช้ทั้ง 2 สีนี้อาจดูมีความแตกต่างกันสุดขั้วบอกเลยว่าเมื่อนำมาผสมผสานกันแล้วมีความลงตัวเป็นอย่างมากเพราะตัวสีน้ำเงินที่นำมาตัดสินกับสีส้มนั้นจะทำให้ห้องดูมีความน่าสนใจและไม่อึมครึมมากเกินไปแล้วตัวสีส้มยังทำให้ห้องหรือบ้านของท่านโดดเด่นมากยิ่งขึ้นและดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอีกด้วย.

คู่สีแต่งบ้าน04

4. การจับคู่สีโดยใช้สีแดง – สีเทา

การจับคู่สีในรูปแบบนี้จะทำให้บ้านดูเรียบหรูและมีสไตล์มากยิ่งขึ้น รู้จักว่าตัวสีเทาจะทำให้บ้านดูมีความ Modern และตัดไปด้วยสีแดงจะทำให้บ้านดูมีสไตล์มีความ Luxury มากขึ้นเป็นหนึ่งในคู่สีที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมากในการนำมาตกแต่งบ้าน.

คู่สีแต่งบ้าน05

5. การจับคู่สีเขียว – สีขาว

สำหรับท่านใดที่อยากให้บ้านดูมีความเป็นธรรมชาติและมีความสบายตา แนะนำว่าควรเลือกใช้คู่สีเขียวกับสีขาวเพราะจะทำให้บ้านดูมีความเป็นธรรมชาติแต่แนะนำว่าบ้านที่ตกแต่งโดยใช้คู่สีนี้ควรจะมีบรรยากาศภายในห้องเป็นสไตล์ไม้หรือตัดไปด้วยสีน้ำตาลสักนิดนึงจะช่วยให้บ้านดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

คู่สีแต่งบ้าน06

6. การจับคู่สีโดยเลือกใช้สีฟ้า – สีขาว

สีฟ้า ดูแล้วสบายตา ให้ความรู้สึก สงบ ผ่อนคลาย
สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบความเรียบหรูอยู่สบายต้องการให้บ้านหรือห้องมีความสบายตาแนะนำว่าให้เลือกโทนสีนี้เพราะจะทำให้บ้านดูมีความมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นดูเรียบง่ายสบายตาแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความน่าอยู่ของตัวบ้านหากอยากให้บ้านมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกสักหน่อยแนะนำว่าให้ตัดไปด้วยสีเทาสักเล็กน้อย.

คู่สีแต่งบ้าน07

7. การจับ คู่สีใช้แต่งบ้าน สีขาว-ดำ

คู่สีขาว-ดำ คู่สีธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และเป็นคู่สีที่คนนิยมใช้กันมาก โดยสามารถใช้ได้หลาหหลายแนวเราสามารถผสมสีของไม้ สีเข้ม-อ่อน เข้าไปเพิ่มเพื่อความลงตัวหรือจะใช้เป็นขาวล้วน ดำล้วนก็ได้ สีขาวและดำ จะให้ความรู้สึกที่ สงบ เงียบ สะอาด เยือกเย็น เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยดีเทล รายละเอียดข้างในที่ซ่อนอยู่

คู่สีแต่งบ้าน08

8. การจับคู่สีขาว-น้ำตาล

คู่สีให้ความรู้สึกอบอุ่น ใช้ในบ้านสไตล์มินิมอล โมเดิร์น ดูสบายตา เน้นใช้วัสดุสีอ่อน น้ำตาลอ่อนหรือขาวสลับกัน.

คู่สีแต่งบ้าน09

9. การจับคู่สีขาว-เหลือง

สีเหลือง เป็นสีแห่งสติปัญญา การหยั่งรู้  เป็นสีที่ให้ความสุข ความเบิกบาน มีชิวิตชีวา ใช้ในงานเฉลิมฉลองเป็นสีของความแจ่มใส

คู่สีแต่งบ้าน10

10. การจับคู่สีขาว-ส้ม

สีส้ม แสดงถึงความสดใส ร่าเริง อิสระทางความคิด เปี่ยมไปด้วยพลังงานและความทะเยอทะยาน ผสมกับสีขาวที่เป็นสีที่เข้ากับหลากหลายสีได้ดีก็เพิ่มความน่าสนใจให้กับคู่สีนี้ ใครที่จะใช้คู่สีนี้ลองใช้กับห้องนั่งเล่น ห้องทำงานดู น่าจะช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มพลังงานได้ดีทีเดียว.

เผยความเป็นตัวตนของท่านด้วยสไตล์การเลือกสี

การเลือกสีในการตกแต่งบ้านหรือการสร้างบ้านนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เผยความเป็นตัวตนของท่านได้เป็นอย่างนี้วันนี้หากท่านไหนที่มีแพลนอยากตกแต่งห้องหรือตกแต่งบ้านสามารถนำคู่สีที่เราแนะนำให้กับท่านไปปรับใช้ในรูปแบบการสร้างบ้านของท่านได้เลย การันตีว่าท่านจะได้บ้านที่มีความสวยงามลงตัวและไม่น่าเบื่ออีกต่อไปอย่างแน่นอน

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย
  กระเบื้องบีเซน

10 ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury

10 ไอเดียสร้างบ้านสไตล์ Luxury

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury1
   บ้านที่พักอยู่อาศัยนอกจากความแข็งแรงทนทานและความพร้อมใช้งานในด้านมัลติฟังก์ชั่นแล้วนั้นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้บ้านดูน่าอยู่และมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือสไตล์การตกแต่งของบ้าน โดยในปัจจุบันมีการตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์และหลากหลายรูปแบบ
ซึ่งการตกแต่งบ้านนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและสไตล์ของผู้อยู่อาศัย สำหรับท่านใดที่กำลังสร้างบ้านใหม่มองหาสไตล์การสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ท่าน
 
   การตกแต่งบ้านในแนว luxury นั้นจะเน้นในเรื่องของความเรียบหรู ดูมีสไตล์และมีความสบายตา ส่วนใหญ่การสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านแนวนี้จะเน้นในเรื่องการใช้สี โดยจะเน้นไปในการใช้สีขาวทองแล้ววัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการตกแต่งบ้านก็จะเป็นวัสดุที่เป็นประเภทมันวาวมีความระยิบระยับเพื่อสะท้อนความหรูหราและความมีสไตล์ของผู้ที่ตกแต่งบ้าน เพื่อให้ท่านนำไปปรับใช้กับสไตล์การสร้างบ้านของท่านได้เป็นอย่างดี

แจกไอเดียการทำบ้านให้เรียบหรูดูแพงแบบ Luxury

   มาดูกันว่าไอเดียการสร้างบ้านให้เรียบหรูดูแพงในสไตล์ luxury นั้นจะมีรูปแบบการตกแต่งอย่างไรกันบ้างหากอยากได้ความเรียบหรูดูมีสไตล์ในการตกแต่งและการสร้างบ้านเพื่อให้เสริมลุคให้ดูมีออร่าของท่านสะท้อนความเพอร์เฟกต์ของผู้อยู่อาศัยนำไอเดียของเราไปใช้ในการสร้างบ้านและทำบ้านให้เรียบหรูดูแพงได้เลย.
ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury2

1. การสร้างบ้านสไตล์ Luxury ด้วยลวดลายหินอ่อน

แน่นอนว่าความ Luxury กับลวดลายหินอ่อนนั้นย่อมเป็นของคู่กันเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าลวดลายหินอ่อนนั้นมีความทันสมัยมีความหรูหรา และที่สำคัญเมื่อนำมาสร้างบ้านยังช่วยให้บ้านเสริมดูมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งโทนสีของลายหินอ่อนนั้นจะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่นและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น.

2. ทำให้บ้านเรียบหรูขึ้นด้วยการใช้เส้นสีทองมาตัด

หากจะใช้แค่ลวดลายหินอ่อนหรือสีขาวแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็อาจจะทำให้บ้านดูไม่ค่อยมีความน่าสนใจสักเท่าไหร่หนัก
ดังนั้นสามารถทำให้บ้านเรียบหรูขึ้นได้โดยการใช้เส้นสีทองมาตัดเป็นพร้อมตกแต่งตามผนังหรือตามชั้น
อีกอย่างการนำเส้นสีทองมาตัดภายในห้องหรือภายในบ้านนั้นจะช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นดูมีพื้นที่การใช้สอยมากินขึ้นอี
กด้วย.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury3

3. เพิ่มความหรูหราในห้องอาหาร ตกแต่ง บ้าน luxury ด้วยโต๊ะหินอ่อน

หากต้องการให้ห้องโซนรับประทานดูมีความเรียบหรูและมีสไตล์ ตกแต่ง บ้าน luxury มากยิ่งขึ้นเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารที่หรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยโต๊ะที่ท็อปด้วยวัสดุที่มาในรูปแบบของหินอ่อนพร้อมกับเพิ่มความหรูหราเข้าไปด้วยขาโต๊ะที่ตัดด้วยสีทองนอกจากนั้นในส่วนของเก้าอี้แนะนำให้ใช้เป็นผ้าบุกำมะหยี่ซึ่งเน้นใช้สีขาวทองเป็นหลัก.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury5

4. เพิ่มองค์ประกอบของห้องโดยสีเทาก็ทำให้ห้องหรูหราได้

นอกจากการใช้สีขาวทองเป็นหลักหากจะใช้หมดทั้งบ้านก็คงจะดูไม่ค่อยมีความน่าสนใจเท่าไหร่ดังนั้นหากต้องการเพิ่มจุดในบ้านให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและหรูหราที่เป็นสีเทา ไม่ว่าจะเป็นโซฟา ชั้นวางของ

หรือสิ่งของที่ใช้ตกแต่งบ้านประเภทอื่นให้ตัดเป็นสีเทาจะทำให้บ้านดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นแนะนำว่าหากใช้สีเทามาเป็นตัวตัดในการตกแต่งบ้านให้ใช้เป็นผ้ากำมะหยี่ที่บุและดึงด้วยกระดุมจะช่วยเพิ่มความเรียบหรูและความน่าสนใจในบ้านมากกว่าเดิม.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury6

5. การสร้างบ้าน ไอเดียแต่งบ้านสไตล์ luxury ให้ดูมีความอบอุ่น

สำหรับท่านใดที่ต้องการสร้างบ้านให้ดู luxury แต่ยังแฝงไปด้วยความอบอุ่น ไอเดียแต่งบ้านสไตล์ luxury
แนะนำให้ท่านกลางบ้านหรือตกแต่งบ้านด้วยสีครีมเป็นหลักเพราะสีครีมนั้นจะแฝงไปด้วยความอบอุ่นทำให้บ้านน่าอยู่และที่สำคัญยังมีความสบายตามากยิ่งขึ้นอีกด้วย.

6. เพิ่มลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์หรือบิ้วอินที่มีความแวววาว

แน่นอนว่าหากอยากให้บ้านดูหรูหรามีสไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ริบบิ้นส่วนใหญ่จะต้องเป็นสิ่งของที่มีความแวววาวระยิบระยับ เราจะช่วยเพิ่มลูกเล่นในบ้านให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หรือจะประดับแชนเดอเลียร์สวยๆสักอันก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก.

7. การใช้เฉดสีแบบไล่ระดับเข้ม-อ่อน

อีกหนึ่งสิ่งที่ให้บานดูมีความน่าสนใจนั้นก็คือการเลือกใช้เฉดสี ด้วยความที่บ้านสไตล์ลักชัวรี่นั้นจะเน้นไปในสีขาวทองแต่หากใช้สีขาวทองก็จะไม่สามารถไล่เฉดสีได้สักเท่าแนะนำว่าหากอยากไล่เฉดสีในบ้านให้มีความสวยงามควรใช้สีเทาเป็นหลักเพราะจะสามารถไล่เฉดสีได้ง่ายและทำให้ห้องดูมีสไตล์และมีมิติมากยิ่งขึ้น.

8. เพิ่มความละมุนของการตกแต่งภายในบ้านด้วยผ้าม่าน

นอกจากการตกแต่งเฉดสีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แน่นอนว่าผ้าม่านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำให้บ้านเป็นสไตล์ลักชัวรี่ได้ แนะนำว่าตัวผ้าม่านที่ใช้ควรเป็นเส้นหรือลายเรียบที่มีเฉดสีเดียวกันไปทั้งพื้น เพื่อให้บ้านมีความเรียบหรูดูแพงและดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury7

9. สะท้อนความเรียบหรูในบ้านด้วยงานไม้

สำหรับใครที่ต้องการตกแต่งบ้านให้มีความ Luxury แต่ก็ไม่อยากได้บ้านที่มีสีขาวทองมากเกินไปท่านสามารถใช้งานไม้ชนิดนี้เพื่อสะท้อนความแข็งของวัสดุในบ้านได้โดยงานไม้นั้นจะช่วยให้บ้านดูมีความอบอุ่นและมีความละมุนตาแต่แนะนำว่าหากอยากให้บ้านเป็นสไตล์ลักชัวรี่ควรเลือกงานไม้ที่เป็นเส้นลายไม้ไม่ใหญ่และต้องใช้เฉดสีที่มีความเข้ากันกับตัวบ้านสีต้องไม่โดดเกินไปและไม่ดรอปมากเกินไป.

10. เพิ่มกระจกให้มีความโปร่งสบายในสไตล์แบบ luxury

การเพิ่มกระจกไว้ในบ้านจะทำให้ดูมีความโปร่งโล่งสบายและทำให้ดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้นแต่แนะนำว่ากระจกที่ใช้ควรเป็นวัสดุประเภทคริสตัลหรืออะคริลิคที่มีความแวววาวโดยตัวกระจกนั้นอาจจะเป็นการเลือกติดที่ผนังสักด้านหรือเป็นตัววัสดุตกแต่งบ้านก็ได้เช่นเดียวกัน.

Luxury Style ความหรูหราทันสมัย เสน่ห์ที่น่าหลงใหลในการตกแต่งบ้าน

สำหรับคนที่ชื่นชอบความหรูหราความทันสมัยและความมีเสน่ห์ทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้นนอกจากการตกแต่งบ้านที่ดีบอกเลยว่าควรเน้นในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้ดี

มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ข้อสำคัญในการตกแต่งบ้านสไตล์ luxury มี 3 ข้อหลักที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ หากขาด 3 ข้อหลักนี้ไปบอกเลยว่าบ้านของท่านอาจจะไม่ตรงใจตามสไตล์ลักชัวรี่ก็เป็นได้.

• การเลือกใช้โทนสี
การเลือกใช้โทนสีในสไตล์ luxury จะเน้นในสีขาวท้องหรือเป็นสีเอิร์ธโทน
ที่มาผสมผสานกันอย่างลงตัวและเพิ่มลูกเล่นความหรูหราด้วยลวดลายหินอ่อนจะทำให้บ้านดูมีสไตล์และมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น

• พื้นที่ภายในบ้านควรมีความโปร่ง
การจัดตกแต่งบ้านหรือการสร้างบ้านในสไตล์รูปแบบนี้จะเน้นในเรื่องของการโชว์ดีไซน์ของบ้านที่มีความสวยงามและมีความเรียบหรูดังนั้นพื้นที่ในบ้านควรมีความโปร่งโล่งสบายจะทำให้เห็นดีไซน์ของบ้านได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

• การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้
ควรเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความมันวาวหรือเป็นแบบกำมะหยี่พอจะช่วยให้ห้องดูมีมิติและดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

10 ไอเดียสร้างบ้านสไตล์ Luxury

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury1
   บ้านที่พักอยู่อาศัยนอกจากความแข็งแรงทนทานและความพร้อมใช้งานในด้านมัลติฟังก์ชั่นแล้วนั้นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้บ้านดูน่าอยู่และมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือสไตล์การตกแต่งของบ้าน โดยในปัจจุบันมีการตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์และหลากหลายรูปแบบ
ซึ่งการตกแต่งบ้านนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและสไตล์ของผู้อยู่อาศัย สำหรับท่านใดที่กำลังสร้างบ้านใหม่มองหาสไตล์การสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ท่าน
 
   การตกแต่งบ้านสไตล์ luxury นั้นจะเน้นในเรื่องของความเรียบหรู ดูมีสไตล์และมีความสบายตา ส่วนใหญ่การสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านแนวนี้จะเน้นในเรื่องการใช้สี โดยจะเน้นไปในการใช้สีขาวทองแล้ววัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการตกแต่งบ้านก็จะเป็นวัสดุที่เป็นประเภทมันวาวมีความระยิบระยับเพื่อสะท้อนความหรูหราและความมีสไตล์ของผู้ที่ตกแต่งบ้าน เพื่อให้ท่านนำไปปรับใช้กับสไตล์การสร้างบ้านของท่านได้เป็นอย่างดี

แจกไอเดียการทำบ้านให้เรียบหรูดูแพงแบบ Luxury

   มาดูกันว่าไอเดียการสร้างบ้านให้เรียบหรูดูแพงในสไตล์ luxury นั้นจะมีรูปแบบการตกแต่งอย่างไรกันบ้างหากอยากได้ความเรียบหรูดูมีสไตล์ในการตกแต่งและการสร้างบ้านเพื่อให้เสริมลุคให้ดูมีออร่าของท่านสะท้อนความเพอร์เฟกต์ของผู้อยู่อาศัยนำไอเดียของเราไปใช้ในการสร้างบ้านและทำบ้านให้เรียบหรูดูแพงได้เลย.
ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury2

1. การสร้างบ้านสไตล์ Luxury ด้วยลวดลายหินอ่อน

แน่นอนว่าความ Luxury กับลวดลายหินอ่อนนั้นย่อมเป็นของคู่กันเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าลวดลายหินอ่อนนั้นมีความทันสมัยมีความหรูหรา และที่สำคัญเมื่อนำมาสร้างบ้านยังช่วยให้บ้านเสริมดูมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งโทนสีของลายหินอ่อนนั้นจะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่นและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น.

2. ทำให้บ้านเรียบหรูขึ้นด้วยการใช้เส้นสีทองมาตัด

หากจะใช้แค่ลวดลายหินอ่อนหรือสีขาวแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็อาจจะทำให้บ้านดูไม่ค่อยมีความน่าสนใจสักเท่าไหร่หนัก
ดังนั้นสามารถทำให้บ้านเรียบหรูขึ้นได้โดยการใช้เส้นสีทองมาตัดเป็นพร้อมตกแต่งตามผนังหรือตามชั้น
อีกอย่างการนำเส้นสีทองมาตัดภายในห้องหรือภายในบ้านนั้นจะช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นดูมีพื้นที่การใช้สอยมากินขึ้นอี
กด้วย.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury3

3. เพิ่มความหรูหราในห้องอาหาร ตกแต่ง บ้าน luxury ด้วยโต๊ะหินอ่อน

หากต้องการให้ห้องโซนรับประทานดูมีความเรียบหรูและมีสไตล์ ตกแต่ง บ้าน luxury มากยิ่งขึ้นเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารที่หรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยโต๊ะที่ท็อปด้วยวัสดุที่มาในรูปแบบของหินอ่อนพร้อมกับเพิ่มความหรูหราเข้าไปด้วยขาโต๊ะที่ตัดด้วยสีทองนอกจากนั้นในส่วนของเก้าอี้แนะนำให้ใช้เป็นผ้าบุกำมะหยี่ซึ่งเน้นใช้สีขาวทองเป็นหลัก.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury5

4. เพิ่มองค์ประกอบของห้องโดยสีเทาก็ทำให้ห้องหรูหราได้

นอกจากการใช้สีขาวทองเป็นหลักหากจะใช้หมดทั้งบ้านก็คงจะดูไม่ค่อยมีความน่าสนใจเท่าไหร่ดังนั้นหากต้องการเพิ่มจุดในบ้านให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและหรูหราที่เป็นสีเทา ไม่ว่าจะเป็นโซฟา ชั้นวางของ

หรือสิ่งของที่ใช้ตกแต่งบ้านประเภทอื่นให้ตัดเป็นสีเทาจะทำให้บ้านดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นแนะนำว่าหากใช้สีเทามาเป็นตัวตัดในการตกแต่งบ้านให้ใช้เป็นผ้ากำมะหยี่ที่บุและดึงด้วยกระดุมจะช่วยเพิ่มความเรียบหรูและความน่าสนใจในบ้านมากกว่าเดิม.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury6

5. การสร้างบ้าน ไอเดียแต่งบ้านสไตล์ luxury ให้ดูมีความอบอุ่น

สำหรับท่านใดที่ต้องการสร้างบ้านให้ดู luxury แต่ยังแฝงไปด้วยความอบอุ่น ไอเดียแต่งบ้านสไตล์ luxury
แนะนำให้ท่านกลางบ้านหรือตกแต่งบ้านด้วยสีครีมเป็นหลักเพราะสีครีมนั้นจะแฝงไปด้วยความอบอุ่นทำให้บ้านน่าอยู่และที่สำคัญยังมีความสบายตามากยิ่งขึ้นอีกด้วย.

6. เพิ่มลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์หรือบิ้วอินที่มีความแวววาว

แน่นอนว่าหากอยากให้บ้านดูหรูหรามีสไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ริบบิ้นส่วนใหญ่จะต้องเป็นสิ่งของที่มีความแวววาวระยิบระยับ เราจะช่วยเพิ่มลูกเล่นในบ้านให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หรือจะประดับแชนเดอเลียร์สวยๆสักอันก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก.

7. การใช้เฉดสีแบบไล่ระดับเข้ม-อ่อน

อีกหนึ่งสิ่งที่ให้บานดูมีความน่าสนใจนั้นก็คือการเลือกใช้เฉดสี ด้วยความที่บ้านสไตล์ลักชัวรี่นั้นจะเน้นไปในสีขาวทองแต่หากใช้สีขาวทองก็จะไม่สามารถไล่เฉดสีได้สักเท่าแนะนำว่าหากอยากไล่เฉดสีในบ้านให้มีความสวยงามควรใช้สีเทาเป็นหลักเพราะจะสามารถไล่เฉดสีได้ง่ายและทำให้ห้องดูมีสไตล์และมีมิติมากยิ่งขึ้น.

8. เพิ่มความละมุนของการตกแต่งภายในบ้านด้วยผ้าม่าน

นอกจากการตกแต่งเฉดสีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แน่นอนว่าผ้าม่านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำให้บ้านเป็นสไตล์ลักชัวรี่ได้ แนะนำว่าตัวผ้าม่านที่ใช้ควรเป็นเส้นหรือลายเรียบที่มีเฉดสีเดียวกันไปทั้งพื้น เพื่อให้บ้านมีความเรียบหรูดูแพงและดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น.

ไอเดียบ้านสไตล์ Luxury7

9. สะท้อนความเรียบหรูในบ้านด้วยงานไม้

สำหรับใครที่ต้องการตกแต่งบ้านให้มีความ Luxury แต่ก็ไม่อยากได้บ้านที่มีสีขาวทองมากเกินไปท่านสามารถใช้งานไม้ชนิดนี้เพื่อสะท้อนความแข็งของวัสดุในบ้านได้โดยงานไม้นั้นจะช่วยให้บ้านดูมีความอบอุ่นและมีความละมุนตาแต่แนะนำว่าหากอยากให้บ้านเป็นสไตล์ลักชัวรี่ควรเลือกงานไม้ที่เป็นเส้นลายไม้ไม่ใหญ่และต้องใช้เฉดสีที่มีความเข้ากันกับตัวบ้านสีต้องไม่โดดเกินไปและไม่ดรอปมากเกินไป.

10. เพิ่มกระจกให้มีความโปร่งสบายในสไตล์แบบ luxury

การเพิ่มกระจกไว้ในบ้านจะทำให้ดูมีความโปร่งโล่งสบายและทำให้ดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้นแต่แนะนำว่ากระจกที่ใช้ควรเป็นวัสดุประเภทคริสตัลหรืออะคริลิคที่มีความแวววาวโดยตัวกระจกนั้นอาจจะเป็นการเลือกติดที่ผนังสักด้านหรือเป็นตัววัสดุตกแต่งบ้านก็ได้เช่นเดียวกัน.

Luxury Style ความหรูหราทันสมัย เสน่ห์ที่น่าหลงใหลในการตกแต่งบ้าน

สำหรับคนที่ชื่นชอบความหรูหราความทันสมัยและความมีเสน่ห์ทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้นนอกจากการตกแต่งบ้านที่ดีบอกเลยว่าควรเน้นในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้ดี

มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ข้อสำคัญในการตกแต่งบ้านสไตล์ luxury มี 3 ข้อหลักที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ หากขาด 3 ข้อหลักนี้ไปบอกเลยว่าบ้านของท่านอาจจะไม่ตรงใจตามสไตล์ลักชัวรี่ก็เป็นได้.

• การเลือกใช้โทนสี
การเลือกใช้โทนสีในสไตล์ luxury จะเน้นในสีขาวท้องหรือเป็นสีเอิร์ธโทน
ที่มาผสมผสานกันอย่างลงตัวและเพิ่มลูกเล่นความหรูหราด้วยลวดลายหินอ่อนจะทำให้บ้านดูมีสไตล์และมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น

• พื้นที่ภายในบ้านควรมีความโปร่ง
การจัดตกแต่งบ้านหรือการสร้างบ้านในสไตล์รูปแบบนี้จะเน้นในเรื่องของการโชว์ดีไซน์ของบ้านที่มีความสวยงามและมีความเรียบหรูดังนั้นพื้นที่ในบ้านควรมีความโปร่งโล่งสบายจะทำให้เห็นดีไซน์ของบ้านได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

• การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้
ควรเน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความมันวาวหรือเป็นแบบกำมะหยี่พอจะช่วยให้ห้องดูมีมิติและดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย
  กระเบื้องบีเซน

ทิศทางลมกับบ้าน ก่อนซื้อบ้านควรรู้

ทิศทางลมกับบ้าน ก่อนซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ควรรู้

ทิศทางลมกับบ้าน
ลม ทิศทางลม เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คนที่กำลังซื้อบ้านหรือจะสร้างบ้าน ควรรู้เรื่องของลมไว้ เพราะจะช่วยให้เราสามารถเลือกทิศทางการวางประตู หน้าต่าง หันหน้าบ้านไปทางใหน และการจัดสรรพื้นที่แบบใหนถึงจะดี
เมื่อเรารู้จักทิศทางของลมแล้ว เราก็จะสามารถจัดวางพื้นที่ได้ถูกต้อง ส่งผลให้บ้านเย็นสบาย อากาศถ่ายเทดี ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน และบ้านเราก็จะหน้าอยู่มากขึ้น
ทิศทางลม01

ทิศทางลมในแต่ละฤดู

1. ฤดูร้อน (ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ลมจะพัดมาทางทิศใต้ ถือว่าเป็นลมที่ดี ช่วยลดความร้อนของอากาศลงได้
การวางทิศบ้านให้หันไปทางทิศใต้ ถือเป็นทิศที่ดี เพราะเป็นทิศที่มีลมพัดเข้าบ้านตลอด จึงควรเปิดหน้าบ้านให้โล่ง เพื่อดึงลมเข้าบ้านให้มากที่สุด รวมทั้งไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่บังหน้าบ้าน เพราะจะเป็นการบังทิศทางลม หากพื้นที่หน้าบ้านกว้างควรขุดบ่อน้ำ หรือทำสระน้ำไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ลดพัดความเย็นเข้าสู่ตัวบ้าน.
2. ฤดูฝน (ช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน) ลมจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลมนี้เรียกว่า “ลมมรสุม”
การวางทิศบ้านให้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะได้รับอิทธิพลของลมมากที่สุด หากในแง่ของการวางทิศบ้านให้ถูกทิศทางลมแล้ว ถือว่าทิศนี้รับลมได้ดีที่สุด แต่ข้อเสียคือบ้านตั้งอยู่ในแนวลมมรสุม ซึ่งเสี่ยงต่อการที่บ้านจะเสียหายจากลมพายุได้ง่ายเมื่อเกิดพายุฝน ควรหาต้นไม้ใหญ่หรือแนวกำแพงเพื่อป้องกันลมมรสุมในทิศนี้แต่ต้องเว้นระยะห่างจากตัวบ้านด้วย.
3. ฤดูหนาว (ช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์) ทิศทางลมจะพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเรียกว่า “ลมหนาว”
แนะนำเป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้าที่ยังไม่ร้อนจนเกินไป ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา และรับลมเย็นในช่วงหน้าหนาว.

ทางเข้า-ออกของลมที่เข้ามาในบ้าน

เมื่อลมเข้ามาในตัวบ้านแนะนำว่าต้องมีทางออกของลมด้วยเพื่อให้เกิดอากาศที่หมุนเวียนภายในบ้านซึ่งหากเป็นในห้องก็ต้องมีประตูหน้าต่างเพื่อให้ลมได้หมุนเวียน

ทิศทางลม02

ใช้อุปกรณ์ระบายความร้อน พัดลมระบายความร้อน

และในกรณีที่เราไปซื้อบ้านหรือคอนโดที่ในสถานการณ์จริงเราอาจจะเลือกทำเลไม่ได้ และไม่สามารถเจาะหรือแก้ไขพื้นที่นั้นๆไม่ได้แล้ว ให้ใช้อุปกรณ์ระบายความร้อนช่วย เช่นลูกหมุนระบายอากาศ เครื่องดูดอากาศ หรือพัดลม ช่วยระบายลมร้อนออกจากบ้านและเมื่อลมร้อนออกไปลมเย็นจะเข้ามาทดแทน ช่วยให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น.

ทิศทางลม03

ขอบคุณข้อมูล : https://www.baanlaesuan.com
                        https://www.ddproperty.com
                        ช่อง คุยกับลุงช่าง

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลนไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย
  กระเบื้องบีเซน

ทิศทางลมกับบ้าน ก่อนซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ควรรู้

ทิศทางลมกับบ้าน
ลม ทิศทางลม เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คนที่กำลังซื้อบ้านหรือจะสร้างบ้าน ควรรู้เรื่องของลมไว้ เพราะจะช่วยให้เราสามารถเลือกทิศทางการวางประตู หน้าต่าง หันหน้าบ้านไปทางใหน และการจัดสรรพื้นที่แบบใหนถึงจะดี
เมื่อเรารู้จักทิศทางของลมแล้ว เราก็จะสามารถจัดวางพื้นที่ได้ถูกต้อง ส่งผลให้บ้านเย็นสบาย อากาศถ่ายเทดี ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน และบ้านเราก็จะหน้าอยู่มากขึ้น
ทิศทางลม01

ทิศทางลมในแต่ละฤดู

1. ฤดูร้อน (ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ลมจะพัดมาทางทิศใต้ ถือว่าเป็นลมที่ดี ช่วยลดความร้อนของอากาศลงได้
การวางทิศบ้านให้หันไปทางทิศใต้ ถือเป็นทิศที่ดี เพราะเป็นทิศที่มีลมพัดเข้าบ้านตลอด จึงควรเปิดหน้าบ้านให้โล่ง เพื่อดึงลมเข้าบ้านให้มากที่สุด รวมทั้งไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่บังหน้าบ้าน เพราะจะเป็นการบังทิศทางลม หากพื้นที่หน้าบ้านกว้างควรขุดบ่อน้ำ หรือทำสระน้ำไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ลดพัดความเย็นเข้าสู่ตัวบ้าน.
2. ฤดูฝน (ช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน) ลมจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลมนี้เรียกว่า “ลมมรสุม”
การวางทิศบ้านให้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะได้รับอิทธิพลของลมมากที่สุด หากในแง่ของการวางทิศบ้านให้ถูกทิศทางลมแล้ว ถือว่าทิศนี้รับลมได้ดีที่สุด แต่ข้อเสียคือบ้านตั้งอยู่ในแนวลมมรสุม ซึ่งเสี่ยงต่อการที่บ้านจะเสียหายจากลมพายุได้ง่ายเมื่อเกิดพายุฝน ควรหาต้นไม้ใหญ่หรือแนวกำแพงเพื่อป้องกันลมมรสุมในทิศนี้แต่ต้องเว้นระยะห่างจากตัวบ้านด้วย.
3. ฤดูหนาว (ช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์) ทิศทางลมจะพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเรียกว่า “ลมหนาว”
แนะนำเป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้าที่ยังไม่ร้อนจนเกินไป ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา และรับลมเย็นในช่วงหน้าหนาว.

ทางเข้า-ออกของลมที่เข้ามาในบ้าน

เมื่อลมเข้ามาในตัวบ้านแนะนำว่าต้องมีทางออกของลมด้วยเพื่อให้เกิดอากาศที่หมุนเวียนภายในบ้านซึ่งหากเป็นในห้องก็ต้องมีประตูหน้าต่างเพื่อให้ลมได้หมุนเวียน

ทิศทางลม02

ใช้อุปกรณ์ระบายความร้อน พัดลมระบายความร้อน

และในกรณีที่เราไปซื้อบ้านหรือคอนโดที่ในสถานการณ์จริงเราอาจจะเลือกทำเลไม่ได้ และไม่สามารถเจาะหรือแก้ไขพื้นที่นั้นๆไม่ได้แล้ว ให้ใช้อุปกรณ์ระบายความร้อนช่วย เช่นลูกหมุนระบายอากาศ เครื่องดูดอากาศ หรือพัดลม ช่วยระบายลมร้อนออกจากบ้านและเมื่อลมร้อนออกไปลมเย็นจะเข้ามาทดแทน ช่วยให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น.

ทิศทางลม03

ขอบคุณข้อมูล : https://www.baanlaesuan.com
                        https://www.ddproperty.com
                        ช่อง คุยกับลุงช่าง

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลนไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย
  กระเบื้องบีเซน

เลือกกระเบื้องปูโรงรถ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

เลือกกระเบื้องปูโรงรถ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

กระเบื้องโรงรถ01

 ในการเลือก กระเบื้องปูโรงรถแบบต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนกำลังสร้างบ้านต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าโรงรถนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเลยทีเดียว คนรักบ้านทั้งหลายจะต้องมีความคำนึงถึงคุณสมบัติในการรับน้ำหนักของกระเบื้อง เพราะถ้าหากมีปัญหาในส่วนของตรงนี้ขึ้นมา ก็อาจจะต้องทำให้เสียทั้งเวลาและเสียค่าในการซ่อมแซมปรับปรุง เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อให้ทุกคนสามารถได้เลือกกระเบื้องปูโรงรถได้ทั้งถูกใจ ทั้งดี ทางบีเซนก็ได้นำความรู้ดีๆ มาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกัน

*ในบทความนี้เราเน้นเรื่อง”กระเบื้อง”และจะไม่ลงลึกเรื่องวัสดุอื่นๆ

ปูกระเบื้องปูโรงรถต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

การรับน้ำหนักของกระเบื้อง 

กระเบื้องแต่ละแบบจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน ฉะนั้นควรจะเลือกกระเบื้องที่สามารถรับน้ำหนักได้เพียงพอต่อการใช้งานเพราะถ้าไม่เช่นนั้นเมื่อใช้งานไปกระเบื้องจะแตก ซึ่งจะสร้างปัญหาให้เราแน่นอนเพราะวิธีที่จะแก้ไขคือเราต้องรื้อกระเบื้องปูใหม่ เท่ากับว่าเราต้อง เสียค่าช่าง เสียค่าของ เสียเวลา!! ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นเราต้องเลือกตั้งแต่ก่อนปูว่าเราจะใช้กระเบื้องแบบใหน.

ความหยาบของผิวกระเบื้อง

ห้ามนำกระเบื้องผิวลื่นมาปูโรงรถเด็ดขาด!! เนื่องจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กระเบื้องผิวลื่นเหมาะกับการใช้งานในบ้านมากกว่าโรงจอดรถ เพราะโรงจอดรถหรือทางเดินจำเป็นต้องใช้กระเบื้องที่มีความหยาบ อาจจะไม่ต้องมากจนเกินไป เลือกที่มีความหยาบพอดีๆ เวลาพื้นเปียกน้ำแล้วไม่ลื่นมาก ก็ถือว่าใช้ได้

การดูดซึมน้ำ

เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราในกระเบื้องควรเลือกกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ เพราะเวลาเราปูกระเบื้องโรงจอดรถส่วนใหญ่จะต้องเจอกับความชื่นหรือเปียกน้ำอยู่บ่อยๆและถ้ากระเบื้องดูดซึมน้ำสูงจะทำให้เนื้อกระเบื้องเกิดเชื้อราได้.

เลือกสีสัน

เลือกโทนสีให้เข้ากับตัวบ้านหรือสภาพแวดล้อมโดยรวม เราสามารถดูตัวอย่างคู่สีสวยๆได้ในอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นตัวอย่างก่อนแล้วค่อยไปหาซื้อกระเบื้องที่ถูกใจ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านว่าชอบแบบใหน.

กระเบื้องปูโรงรถมีแบบใหนบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียยังไง?

กระเบื้องดินเผา

กระเบื้องดินเผา
ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ปูโรงจอดรถ เพราะมีความแข็งแรงไม่สูงมาก หากใช้รับน้ำหนัดมากๆอาจเกิดการสึกกร่อนหรือแตกหักได้ การดูดซึมน้ำเยอะ 15-22% มีโอกาสในการเกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย.

ข้อดี

• ราคาถูก

• สีสันดูเป็นธรรมชาติ

ข้อเสีย

• แตกร้าวง่าย

• รับน้ำหนักได้น้อย

• เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย

กระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องเซรามิก
เป็นกระเบื้องที่มีคนนิยมใช้กันเยอะพอสมควร เนื่องจากราคาไม่สูงและมีลวดลายให้เลือกเยอะ แต่ในระยะยาวกระเบื้องจะแตกหรือร่อนออกมา ซึ่งจะเห็นกันได้บ่อยๆ ในบ้านที่ใช้มา 4-5ปีขึ้นไป หรือพื้นที่นั้นมีการรับน้ำหนักเยอะ เพราะคุณสมบัติการรับน้ำหนักไม่มาก ถ้าต้องการใช้ควรใช้ในพื้นที่ที่รับน้ำหนักไม่สูงมาก ก็สามารถใช้ได้ แต่หากใช้เป็นพื้นที่จอดรถจริงๆ ในระยะยาวมีโอกาสที่กระเบื้องจะแตกสูง.

ข้อดี

• ราคาถูก

• มีสีสันให้เลือกหลากหลาย

• ใช้งานได้หลากหลายแต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะๆ หรือพื้นที่เปียกน้ำ

ข้อเสีย

• รับน้ำหนักได้น้อย

• เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย

• เมื่อเปียกน้ำมักจะมีความลื่นมากควรต้องเลือกผิวหน้ากระเบื้องที่มีความหยาบ

กระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดในเรื่องของการ รับน้ำหนัก ความคงทนของผิวกระเบื้อง ความหยาบของผิวหน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องที่ผ่านความร้อนสูงตั้งแต่ 1,300 องศาขึ้นไป มีค่าความแข็งที่สูง และเนื้อกระเบื้องจะมีค่าการดูดซึมน้ำที่ต่ำกว่า 0.5% ซึ่งหมายถึงกระเบื้องส่วนใหญ่จะไม่เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้อง.

ข้อดี

• คงทนแข็งแรง

• รับน้ำหนักได้เยอะ

• ดูดซึมน้ำต่ำกว่า 0.5% ทำให้ไม่เกิดเชื้อราในกระเบื้อง

• ทนรอยขูดขีด

ข้อเสีย

• ราคาสูง

• ลวดลายมีให้เลือกไม่เยอะเท่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป

• การผลิตต้องใช้ความพิถีพิถัน เรื่องสีของกระเบื้องอาจเกิดความไม่สม่ำเสมอได้ ส่วนใหญ่เวลาซื้อกระเบื้องพอร์ซเลนควรจะให้ทางบริษัทที่จำหน่ายควบคุมเรื่องลอตการผลิตด้วย

*กระเบื้องแกรนิโต้ก็จะมีคุณสมบัติคล้ายๆกับกระเบื้องพอร์ซเลน

วัสดุในการปูโรงรถอื่นๆนอกจากกระเบื้องที่นิยมกันในปัจจุบัน

ปูคอนกรีต

คอนกรีตพิมพ์ลาย

ทรายล้าง

บล็อกหญ้า

     ใครที่อยากได้กระเบื้องไปใช้งานก็ลองดูว่าแบบใหนคือสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานเรา สุดท้ายเราควรเลือกกระเบื้องที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการใช้งานและงบประมาณของเราก็จะดีที่สุด

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลนไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

เลือกกระเบื้องปูโรงรถ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

กระเบื้องโรงรถ01

 ในการเลือก กระเบื้องปูโรงรถแบบต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนกำลังสร้างบ้านต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าโรงรถนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเลยทีเดียว คนรักบ้านทั้งหลายจะต้องมีความคำนึงถึงคุณสมบัติในการรับน้ำหนักของกระเบื้อง เพราะถ้าหากมีปัญหาในส่วนของตรงนี้ขึ้นมา ก็อาจจะต้องทำให้เสียทั้งเวลาและเสียค่าในการซ่อมแซมปรับปรุง เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อให้ทุกคนสามารถได้เลือกกระเบื้องปูโรงรถได้ทั้งถูกใจ ทั้งดี ทางบีเซนก็ได้นำความรู้ดีๆ มาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกัน

*ในบทความนี้เราเน้นเรื่อง”กระเบื้อง”และจะไม่ลงลึกเรื่องวัสดุอื่นๆ

ปูกระเบื้องปูโรงรถต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

การรับน้ำหนักของกระเบื้อง 

กระเบื้องแต่ละแบบจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน ฉะนั้นควรจะเลือกกระเบื้องที่สามารถรับน้ำหนักได้เพียงพอต่อการใช้งานเพราะถ้าไม่เช่นนั้นเมื่อใช้งานไปกระเบื้องจะแตก ซึ่งจะสร้างปัญหาให้เราแน่นอนเพราะวิธีที่จะแก้ไขคือเราต้องรื้อกระเบื้องปูใหม่ เท่ากับว่าเราต้อง เสียค่าช่าง เสียค่าของ เสียเวลา!! ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นเราต้องเลือกตั้งแต่ก่อนปูว่าเราจะใช้กระเบื้องแบบใหน.

ความหยาบของผิวกระเบื้อง

ห้ามนำกระเบื้องผิวลื่นมาปูโรงรถเด็ดขาด!! เนื่องจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กระเบื้องผิวลื่นเหมาะกับการใช้งานในบ้านมากกว่าโรงจอดรถ เพราะโรงจอดรถหรือทางเดินจำเป็นต้องใช้กระเบื้องที่มีความหยาบ อาจจะไม่ต้องมากจนเกินไป เลือกที่มีความหยาบพอดีๆ เวลาพื้นเปียกน้ำแล้วไม่ลื่นมาก ก็ถือว่าใช้ได้

การดูดซึมน้ำ

เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราในกระเบื้องควรเลือกกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ เพราะเวลาเราปูกระเบื้องโรงจอดรถส่วนใหญ่จะต้องเจอกับความชื่นหรือเปียกน้ำอยู่บ่อยๆและถ้ากระเบื้องดูดซึมน้ำสูงจะทำให้เนื้อกระเบื้องเกิดเชื้อราได้.

เลือกสีสัน

เลือกโทนสีให้เข้ากับตัวบ้านหรือสภาพแวดล้อมโดยรวม เราสามารถดูตัวอย่างคู่สีสวยๆได้ในอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นตัวอย่างก่อนแล้วค่อยไปหาซื้อกระเบื้องที่ถูกใจ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้านว่าชอบแบบใหน.

กระเบื้องดินเผา

กระเบื้องปูโรงรถมีแบบใหนบ้าง มีข้อดี-ข้อเสียยังไง?

กระเบื้องดินเผา

ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ปูโรงจอดรถ เพราะมีความแข็งแรงไม่สูงมาก หากใช้รับน้ำหนัดมากๆอาจเกิดการสึกกร่อนหรือแตกหักได้ การดูดซึมน้ำเยอะ 15-22% มีโอกาสในการเกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย.

ข้อดี

• ราคาถูก

• สีสันดูเป็นธรรมชาติ

ข้อเสีย

• แตกร้าวง่าย

• รับน้ำหนักได้น้อย

• เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย

กระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องเซรามิก

เป็นกระเบื้องที่มีคนนิยมใช้กันเยอะพอสมควร เนื่องจากราคาไม่สูงและมีลวดลายให้เลือกเยอะ แต่ในระยะยาวกระเบื้องจะแตกหรือร่อนออกมา ซึ่งจะเห็นกันได้บ่อยๆ ในบ้านที่ใช้มา 4-5ปีขึ้นไป หรือพื้นที่นั้นมีการรับน้ำหนักเยอะ เพราะคุณสมบัติการรับน้ำหนักไม่มาก ถ้าต้องการใช้ควรใช้ในพื้นที่ที่รับน้ำหนักไม่สูงมาก ก็สามารถใช้ได้ แต่หากใช้เป็นพื้นที่จอดรถจริงๆ ในระยะยาวมีโอกาสที่กระเบื้องจะแตกสูง.

ข้อดี

• ราคาถูก

• มีสีสันให้เลือกหลากหลาย

• ใช้งานได้หลากหลายแต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะๆ หรือพื้นที่เปียกน้ำ

ข้อเสีย

• รับน้ำหนักได้น้อย

• เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องง่าย

• เมื่อเปียกน้ำมักจะมีความลื่นมากควรต้องเลือกผิวหน้ากระเบื้องที่มีความหยาบ

กระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน

ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดในเรื่องของการ รับน้ำหนัก ความคงทนของผิวกระเบื้อง ความหยาบของผิวหน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องที่ผ่านความร้อนสูงตั้งแต่ 1,300 องศาขึ้นไป มีค่าความแข็งที่สูง และเนื้อกระเบื้องจะมีค่าการดูดซึมน้ำที่ต่ำกว่า 0.5% ซึ่งหมายถึงกระเบื้องส่วนใหญ่จะไม่เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้อง.

ข้อดี

• คงทนแข็งแรง

• รับน้ำหนักได้เยอะ

• ดูดซึมน้ำต่ำกว่า 0.5% ทำให้ไม่เกิดเชื้อราในกระเบื้อง

• ทนรอยขูดขีด

ข้อเสีย

• ราคาสูง

• ลวดลายมีให้เลือกไม่เยอะเท่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป

• การผลิตต้องใช้ความพิถีพิถัน เรื่องสีของกระเบื้องอาจเกิดความไม่สม่ำเสมอได้ ส่วนใหญ่เวลาซื้อกระเบื้องพอร์ซเลนควรจะให้ทางบริษัทที่จำหน่ายควบคุมเรื่องลอตการผลิตด้วย

*กระเบื้องแกรนิโต้ก็จะมีคุณสมบัติคล้ายๆกับกระเบื้องพอร์ซเลน

วัสดุในการปูโรงรถอื่นๆนอกจากกระเบื้องที่นิยมกันในปัจจุบัน

ปูคอนกรีต

คอนกรีตพิมพ์ลาย

ทรายล้าง

บล็อกหญ้า

     ใครที่อยากได้กระเบื้องไปใช้งานก็ลองดูว่าแบบใหนคือสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานเรา สุดท้ายเราควรเลือกกระเบื้องที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการใช้งานและงบประมาณของเราก็จะดีที่สุด

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลนไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

กระเบื้องปูภายนอกเลือกอย่างไร

กระเบื้องปูภายนอก01

กระเบื้องปูพื้นภายนอก ต้องเลือกอย่างไร

ในการเลือก กระเบื้องปูภายนอก ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญของคนที่กำลังสร้างบ้าน เพราะนอกจากในเรื่องของลายที่ถูกใจ สไตล์ที่ชื่นชอบแล้ว คุณอาจจะยังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติที่เหมาะสม ความแข็งแรงทนทานเพียงพอที่จะเป็นกระเบื้องสำหรับการใช้งานเพื่อป้องกันปัญหาจุกจิกที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักสำหรับคนรักบ้านทั้งหลาย

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ BEZEN ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง จึงจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกกระเบื้องปูภายนอก และต้องอาศัยปัจจัยใดบ้างในการตัดสินใจเพื่อให้คุณนั้นได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในการปูพื้นภายนอก

คุณสมบัติที่สำคัญของกระเบื้องที่ใช้สำหรับการปูพื้นภายนอก(ไม่ลื่น)

การเลือก กระเบื้องปูภายนอกแบบต่าง ๆ Exterior Tile เป็นส่วนหนึ่งสำคัญในการสร้างบ้านเป็นอย่างมาก โดยกระเบื้องปูภายนอกจะจัดกลุ่มที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการเลือก จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

ความแข็งแรงทนทาน

   อันดับแรกที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของความแข็งแรงและความทนทานของกระเบื้อง เพราะกระเบื้องปูภายนอกต้องเจอทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทั้งแดด ฝน ฝุ่นละออง รวมถึงเมื่อใช้ในพื้นที่ที่มีคนเดินหรือทางรถผ่านก็ต้องมีการ สึกกร่อน เป็นรอย ถ้าใช้กระเบื้องประเภทที่ความแข็งแรงไม่เยอะ อาจจะเกิดการแตกร้าว สีเปลี่ยน เป็นรอยขูดขีด ซึ่งจะทำให้พื้นที่ตรงนั้นไม่สวยและเราก็ต้องรื้อกระเบื้องเปลี่ยนใหม่ เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เพราะฉะนั้นต้องเลือกกระเบื้องให้ถูกประเภท สเปกต่างๆของกระเบื้องเพียงพอกับการใช้งาน

การดูดซึมน้ำของกระเบื้อง

   ซึ่งในกระเบื้องแต่ละประเภทจะมีการดูดซึมน้ำแตกต่างกัน กระเบื้องภายนอกเราแนะนำว่าควรใช้กระเบื้องประเภทที่มีการดูดซึมน้ำต่ำ ตั้งแต่ 0.5% ลงไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องได้ยาก และผิวหน้ากระเบื้องจะสวยงามยาวนาน

ลวดลาย ดีไซน์

   เลือกลวดลายกระเบื้องให้เข้ากับสไตล์บ้าน โทนสี ผิวสัมพัสของกระเบื้อง เรื่องนี้เจ้าของบ้านสามารถเลือกได้ตามที่ชอบเลยก็ว่าได้ ถ้าอยากให้ดูเปื้อนยากๆ ก็แนะนำเป็นโทนสีเข้มก็จะช่วยพรางสายตาได้

ความสามารถในการรับน้ำหนัก

   กระเบื้องปูพื้นภายนอก จำเป็นจะต้องคำนึงถึงการรับน้ำหนักให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน เช่น ปูโรงรถ ปูพื้นที่ทางเข้าบ้าน ทางเดิน ซึ่งหากนำกระเบื้องที่รับน้ำหนักได้น้อยไปปูในพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะกระเบื้องจะแตกร้าวได้ 

ความลื่นของกระเบื้อง

   ผิวหน้าของกระเบื้องแต่ละแบบจะมีผิวสัมพัสที่แตกต่างกันทั้งแบบเรียบและแบบที่มีลวดลาย และจะมีความหยาบของผิวหน้าที่จะมีผลกับการใช้งาน ซึ่งกระเบื้องที่มีผิวหน้าเรียบหรือมีความหยาบน้อยๆ เวลาโดนน้ำจะลื่นมากและทำให้ รถ หรือ คนที่ใช้งาน เกิดอุบัติเหตุได้ หากพื้นที่ตรงนั้นที่เราจะใช้เป็นพื้นที่ที่ต้องมีรถหรือคนเดินผ่านแนะนำให้เลือกกระเบื้องที่มีความหยาบของผิวหน้าสูง เพราะเวลาโดนฝนหรือเปียกน้ำจะไม่ลื่น ลดการเกิดอุบัติเหตุได้

กระเบื้องปูภายนอก03

กระเบื้องที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในการปูหน้าบ้าน

กระเบื้องสำหรับการใช้ปูนหน้าบ้านเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายๆ คน เพราะมันคือพื้นที่แรกที่คุณเดินเข้าบ้านมา เพราะฉะนั้นสำหรับการเลือกกระเบื้องปูหน้าบ้าน ต้องคำนึงหลายๆ อย่างทั้งในเรื่องของความสวยงาม คงทน และปลอดภัย ซึ่งวันนี้เราก็มีชนิดของกระเบื้องที่มาแนะนำกันดังนี้

กระเบื้องพอร์ซเลน

   เป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมมากในงานภายนอกเพราะด้วยคุณสมบัติของกระเบื้อง เนื้อกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีคุณภาพจะเป็นเนื้อโฮโมจีเนียส หรือเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หมายความว่าจะมีความแข็งแรงของกระเบื้องจะสูง รูพรุนน้อยดูดซึมน้ำต่ำราวๆ 0.5% และสามารถรับน้ำหนักได้สูง (ถ้าเป็นของทางบีเซนจะรับน้ำหนักได้กว่า 450 กก./ตารางเซนติเมตร) ซึ่งสเปกโดยรวมจะเหมาะกับงานภายนอกมาก.

กระเบื้องเซรามิก

   กระเบื้องเซรามิกเป็นอีกหนึ่งประเภทของกระเบื้องที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังสามารถหาเลือกซื้อได้ง่าย มีลวดลายหลายแบบตรงกับความต้องการของใครหลายๆ คน เช่นกราฟิกลายไม้ ลายหิน ลายหินอ่อนต่างๆ ซึ่งค่อนข้างเหมาะสมแก่การใช้ปูกระเบื้องบริเวณหน้าบ้าน แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้เช็คเรื่องสเปกกระเบื้องแต่ละรุ่นให้ดีก่อนว่าใช้ภายนอกได้ใหม รับน้ำหนักได้เท่าไหร่.

กระเบื้องปูภายนอก02
กระเบื้องปูโรงรถ01

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลน ใช้งานภายนอก ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่
Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย
กระเบื้องปูภายนอก01

กระเบื้องปูพื้นภายนอก ต้องเลือกอย่างไร

ในการเลือก กระเบื้องปูภายนอก ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญของคนที่กำลังสร้างบ้าน เพราะนอกจากในเรื่องของลายที่ถูกใจ สไตล์ที่ชื่นชอบแล้ว คุณอาจจะยังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติที่เหมาะสม ความแข็งแรงทนทานเพียงพอที่จะเป็นกระเบื้องสำหรับการใช้งานเพื่อป้องกันปัญหาจุกจิกที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักสำหรับคนรักบ้านทั้งหลาย

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ BEZEN ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง จึงจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกกระเบื้องปูภายนอก ว่าควรเลือกอย่างไร และต้องอาศัยปัจจัยใดบ้างในการตัดสินใจเพื่อให้คุณนั้นได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในการปูพื้นภายนอก

กระเบื้องปูภายนอก09

คุณสมบัติสำคัญของกระเบื้องปูพื้นภายนอก (ไม่ลื่น)

การเลือก กระเบื้องปูภายนอกแบบต่าง ๆ Exterior Tile เป็นส่วนหนึ่งสำคัญในการสร้างบ้านเป็นอย่างมาก โดยกระเบื้องปูภายนอกจะจัดกลุ่มที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการเลือก จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

 

ความแข็งแรงทนทาน

อันดับแรกที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของความแข็งแรงและความทนทานของกระเบื้อง เพราะกระเบื้องปูภายนอกต้องเจอทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทั้งแดด ฝน ฝุ่นละออง รวมถึงเมื่อใช้ในพื้นที่ที่มีคนเดินหรือทางรถผ่านก็ต้องมีการ สึกกร่อน เป็นรอย ถ้าใช้กระเบื้องประเภทที่ความแข็งแรงไม่เยอะ อาจจะเกิดการแตกร้าว สีเปลี่ยน เป็นรอยขูดขีด ซึ่งจะทำให้พื้นที่ตรงนั้นไม่สวยและเราก็ต้องรื้อกระเบื้องเปลี่ยนใหม่ เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เพราะฉะนั้นต้องเลือกกระเบื้องให้ถูกประเภท สเปกต่างๆของกระเบื้องเพียงพอกับการใช้งาน

การดูดซึมน้ำของกระเบื้อง

ซึ่งในกระเบื้องแต่ละประเภทจะมีการดูดซึมน้ำแตกต่างกัน กระเบื้องภายนอกเราแนะนำว่าควรใช้กระเบื้องประเภทที่มีการดูดซึมน้ำต่ำ ตั้งแต่ 0.5% ลงไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราในเนื้อกระเบื้องได้ยาก และผิวหน้ากระเบื้องจะสวยงามยาวนาน

ลวดลาย ดีไซน์

เลือกลวดลายกระเบื้องให้เข้ากับสไตล์บ้าน โทนสี ผิวสัมพัสของกระเบื้อง เรื่องนี้เจ้าของบ้านสามารถเลือกได้ตามที่ชอบเลยก็ว่าได้ ถ้าอยากให้ดูเปื้อนยากๆ ก็แนะนำเป็นโทนสีเข้มก็จะช่วยพรางสายตาได้

ความสามารถในการรับน้ำหนัก

กระเบื้องปูพื้นภายนอก จำเป็นจะต้องคำนึงถึงการรับน้ำหนักให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน เช่น ปูโรงรถ ปูพื้นที่ทางเข้าบ้าน ทางเดิน ซึ่งหากนำกระเบื้องที่รับน้ำหนักได้น้อยไปปูในพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะกระเบื้องจะแตกร้าวได้ 

ความลื่นของกระเบื้อง

ผิวหน้าของกระเบื้องแต่ละแบบจะมีผิวสัมพัสที่แตกต่างกันทั้งแบบเรียบและแบบที่มีลวดลาย และจะมีความหยาบของผิวหน้าที่จะมีผลกับการใช้งาน ซึ่งกระเบื้องที่มีผิวหน้าเรียบหรือมีความหยาบน้อยๆ เวลาโดนน้ำจะลื่นมากและทำให้ รถ หรือ คนที่ใช้งาน เกิดอุบัติเหตุได้ หากพื้นที่ตรงนั้นที่เราจะใช้เป็นพื้นที่ที่ต้องมีรถหรือคนเดินผ่านแนะนำให้เลือกกระเบื้องที่มีความหยาบของผิวหน้าสูง เพราะเวลาโดนฝนหรือเปียกน้ำจะไม่ลื่น ลดการเกิดอุบัติเหตุได้

กระเบื้องปูภายนอก03

กระเบื้องที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานภายนอก

กระเบื้องสำหรับการใช้ปูนหน้าบ้านเป็นเรื่องสำคัญของใครหลายๆ คน เพราะมันคือพื้นที่แรกที่คุณเดินเข้าบ้านมา เพราะฉะนั้นสำหรับการเลือกกระเบื้องปูหน้าบ้าน ต้องคำนึงหลายๆ อย่างทั้งในเรื่องของความสวยงาม คงทน และปลอดภัย ซึ่งวันนี้เราก็มีชนิดของกระเบื้องที่มาแนะนำกันดังนี้

กระเบื้องพอร์ซเลน

เป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมมากในงานภายนอกเพราะด้วยคุณสมบัติของกระเบื้อง เนื้อกระเบื้องพอร์ซเลนที่มีคุณภาพจะเป็นเนื้อโฮโมจีเนียส หรือเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หมายความว่าจะมีความแข็งแรงของกระเบื้องจะสูง รูพรุนน้อยดูดซึมน้ำต่ำราวๆ 0.5% และสามารถรับน้ำหนักได้สูง (ถ้าเป็นของทางบีเซนจะรับน้ำหนักได้กว่า 450 กก./ตารางเซนติเมตร) ซึ่งสเปกโดยรวมจะเหมาะกับงานภายนอกมาก.

กระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องเซรามิกเป็นอีกหนึ่งประเภทของกระเบื้องที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังสามารถหาเลือกซื้อได้ง่าย มีลวดลายหลายแบบตรงกับความต้องการของใครหลายๆ คน เช่นกราฟิกลายไม้ ลายหิน ลายหินอ่อนต่างๆ ซึ่งค่อนข้างเหมาะสมแก่การใช้ปูกระเบื้องบริเวณหน้าบ้าน แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้เช็คเรื่องสเปกกระเบื้องแต่ละรุ่นให้ดีก่อนว่าใช้ภายนอกได้ใหม รับน้ำหนักได้เท่าไหร่.

กระเบื้องปูภายนอก02
กระเบื้องปูโรงรถ01

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องพอร์ซเลน ใช้งานภายนอก ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่
Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

เชื้อราในกระเบื้องเกิดจากอะไร

เชื้อราในกระเบื้องเกิดจากอะไร ?

เชื้อราในกระเบื้อง01

เชื้อราในกระเบื้อง คือฝันร้ายของใครหลายคนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับบ้านที่คุณรักอย่างแน่นอน ซึ่งมักจะมีสาเหตุที่เกิดจากความชื้นที่สะสมนาน และความสกปรกที่เกิดขึ้นจึงเกิดเป็นเชื้อรา.

ความชื้นส่งผลยังไง?
เพราะเจ้าตัวความชื้นเมื่อเกาะอยู่บนกระเบื้องและระเหยออกไป จะมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือนั้นก็คือตะกอนแร่ธาตุ ที่ก่อให้เกิดปัญหารอยด่าง และรอยคราบผิวบนกระเบื้องตามมาหลังจากนั้น

มีปัจจัยอื่นหรือไม่ที่ก่อให้เกิดเชื้อรา
ปัจจัยอื่นๆ ที่ ทำให้เกิดเชื้อราในกระเบื้อง นั่นก็การยาแนว ที่ไม่ดีพอ จึงทำให้น้ำซึมเข้าไปกัดกร่อนตัวยาแนวและตัวกระเบื้อง และกลายเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อรา

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ บีเซน จะมาแนะนำวิธีที่คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้นได้บนบ้านของคุณและยังรวมถึงการแนะนำกระเบื้องเพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้น เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้นและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

วิธีการป้องกันหลีกเลี่ยงเชื้อราบนกระเบื้องในห้องน้ำ

ปัญหา การเกิดเชื้อราในกระเบื้อง ในห้องน้ำส่วนมากมักจะเกิดจากการที่ตัวยาแนว มีคราบสกปรกสะสมเช่นคราบอินทรีย์จากการอาบน้ำ และความชื้นของอุณหภูมิในห้องน้ำที่ส่งผลทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งวิธีการป้องกันเชื้อราในห้องน้ำสามารถทำได้ดังนี้

1.ห้องน้ำควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก มีการติดตั้งพัดลมระบายอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นที่มากเกินไปซึ่งเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย
2.เช็ดทำความสะอาดพื้นกระเบื้องห้องน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ให้คราบสกปรกเหล่านั้นเกิดเป็นคราบฝั้งแน่น
3.คราบต่างๆ ที่ฝังแน่น กำจัดยากควรใช้ไฮเตอร์ 25% ผสมกับเบกกิ้งโซดา 75% แล้วทาลงไปตามคราบ ทิ้งไว้สักสิบห้านาทีแล้วจึงขัดซ้ำ

 

เชื้อราในเนื้อกระเบื้อง02

วิธีการป้องกันและหลีกเลี่ยงเชื้อราบนกระเบื้องในห้องครัว

พื้นในห้องครัวจัดเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่มักจะเกิดปัญหาเชื้อราบนกระเบื้องได้พอๆ กับห้องน้ำ ซึ่งสำหรับวิธีการดูแลรักษา เพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นคุณสามารถทำตามได้ดังนี้

1.ทำความสะอาดกระเบื้องบ่อยครั้งเพื่อไม่ให้เกิดเป็นคราบสกปรกฝั้งแน่น
2.เช็ดทำความสะอาดตามซอกมุมต่างๆ 
3.ถ้ามีคราบฝังแน่นติดอยู่บนพื้นให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอุ่นแล้วนำมาถูพื้น ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ได้กับผนังในห้องครัวที่ปูด้วยเซรามิกเช่นกัน

วิธีการลดความชื้นในบ้าน สาเหตุหลักของการเกิดเชื้อรา

ในเมื่อความชื้นคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเชื้อราบนกระเบื้อง เพราะฉะนั้นการรู้วิธีการจัดการกับความชื้นจึงเป็นเรื่องง่ายๆ เป็นการป้องกันเชื้อราในกระเบื้องที่ดี ที่คุณสามารถทำได้ในทุกๆ วันเพื่อดูแลบ้านที่คุณรัก ซึ่งคุณสามารถปฏิบัติตามได้ดังนี้

• ใช้ต้นไม้ลดความชื้น เช่น เฟิร์นบอสตัน ปาล์มใบไผ่ ไอวี่อังกฤษ มอนสเตอร่า เป็นต้น และยังมีต้นไม้ที่ช่วยในเรื่องของความชื่นได้อีกหลายต้น ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ต้นไม้จำพวกนี้จะมีการดูดซับความชื้นการพื้นที่ ในเวลาที่มีความชื้นมากๆ ส่วนในเวลาที่ห้องมีความแห้งเกินไปหรือร้อนเกินไปก็จะคลายความชื้นออกมา เพื่อช่วยปรับสมดุลในห้องนั้นเอง
• หมั่นทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพื้นห้องน้ำและผนัง ขัดตามร่องยาแนวด้วยแปรงสีฟันเก่า เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง
• เปิดประตูบานเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่แดดจัดๆ โดยแนะนำว่าให้เปิดประตูเฉพาะ ในด้านที่หันไปทางทิศใต้หรือตะวันออกเท่านั้น หลีกเลี่ยงการปิดประตูหน้าต่างทึบอยู่ตลอดเวลา

เชื้อราในเนื้อกระเบื้อง03

เมื่อกระเบื้องเป็นเชื้อราแล้วสามารถแก้ไขได้อย่างไร

หลายคนที่เข้ามาอ่านในบทความนี้หลายคนคงจะเจอปัญหานี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นลองมาทำตามกันไปพร้อมๆกันเลย

1. ล้างทำความสะอาดพื้นที่โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำทั่วไปล้างและขัดออกก่อน ถ้าคราบสกปรกและเชื้อราสามารถล้างออกได้ก็แสดงว่าเชื้อรายังไม่เข้าเนื้อกระเบื้อง.
2. ถ้าล้างแล้วยังเหลือคราบสกปรกที่ตามร่องยาแนวให้ใช้เครื่องมือขูดร่องยาแนวหรือมีดคัตเตอร์ขูดยาแนวออกให้หมด แล้วยาแนวใหม่.
3. หากเชื้อรายังอยู่ที่ผิวกระเบื้องแต่น้ำยาล้างห้องน้ำล้างไม่ออกแล้ว ให้ใช้ กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก ล้างทำความสะอาด **ต้องเช็คให้มั่นใจก่อนว่ากระเบื้องที่ใช้อยู่ปัจจุบันสามารถทนกรดได้มากน้อยขนาดใหน หากกระเบื้องที่ใช้เป็นกระเบื้องที่ไม่สามารถทนกรดได้ก็ห้ามใช้วิธีนี้เพราะกระเบื้องจะเป็นด่าง ผิวหน้ากระเบื้องจะไม่สวย.
4. สุดท้ายหากใช้ทุกวิธีข้างต้นแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เชื้อราเข้าไปในเนื้อกระเบื้องแล้วไม่สามารถขัดออกต้องทำใจรื้อและปูใหม่ เพราะเราไม่สามารถขัดด้านในกระเบื้องได้.

กระเบื้องพอร์ซเลน02

เลือกกระเบื้องที่มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ วิธีการป้องกันเชื้อราที่ดีที่สุด

การตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราบนกระเบื้อง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันปัญหาเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้นบนพื้นบ้านของคุณ ซึ่งการเลือกกระเบื้องที่มีคุณสมบัติที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราน้อยที่สุด ถือเป็นความคิดที่ดี ที่จะช่วยให้คุณสบายใจไปอีกเปราะ โดยกระเบื้องที่มีความเหมาะสมได้แก่

• กระเบื้องพอร์ซเลน
กระเบื้องชนิดนี้ค่อนข้างมีความหนาแน่นสูงมาก ดูดซึมน้ำต่ำเฉลี่ย 0.5% ซึ่งมีการเผาด้วยอุณหภูมิที่สูง มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่นจึงทำให้คุณสมบัติในการดูดซึมน้ำนั้นต่ำมาก เหมาะแก่การนำมาทำเป็นพื้นห้องน้ำและพื้นห้องครัวได้สบาย

• กระเบื้องแกรนิตโต้
เป็นกระเบื้องแนะนำอีกหนึ่งชนิดที่จะช่วยให้คุณสบายใจในเรื่อง กระเบื้องเชื้อรา ได้เป็นอย่างดี เพราะกระเบื้องชนิดนี้มีส่วนผสมเป็นหินแกรนิต มีความหนาแน่นสูงและมีความทนทาน มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ น้อยกว่า 0.1% ทนทานต่อความชื้นได้ดีเลยทีเดียว

เชื่อว่าทุกคนที่สร้างบ้านต้องการสิ่งที่ดีที่สุดและเกิดปัญหาภายหลังน้อยที่สุด ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาและรู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรทราบเป็นอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ต้องการ ผลิตภัณฑ์ดีๆ และได้รับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง วันนี้คุณสามารถ ติดต่อได้โดยตรงได้เลยที่

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

เชื้อราในกระเบื้องเกิดจากอะไร?

เชื้อราในกระเบื้อง01

เชื้อราในกระเบื้อง คือฝันร้ายของใครหลายคนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับบ้านที่คุณรักอย่างแน่นอน ซึ่งมักจะมีสาเหตุที่เกิดจากความชื้นที่สะสมนาน และความสกปรกที่เกิดขึ้นจึงเกิดเป็นเชื้อรา.

ความชื้นส่งผลยังไง?
เพราะเจ้าตัวความชื้นเมื่อเกาะอยู่บนกระเบื้องและระเหยออกไป จะมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือนั้นก็คือตะกอนแร่ธาตุ ที่ก่อให้เกิดปัญหารอยด่าง และรอยคราบผิวบนกระเบื้องตามมาหลังจากนั้น

มีปัจจัยอื่นหรือไม่ที่ก่อให้เกิดเชื้อรา
ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดเชื้อราในกระเบื้อง นั่นก็การยาแนว ที่ไม่ดีพอ จึงทำให้น้ำซึมเข้าไปกัดกร่อนตัวยาแนวและตัวกระเบื้อง และกลายเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อรา

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ บีเซน จะมาแนะนำวิธีที่คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้นได้บนบ้านของคุณและยังรวมถึงการแนะนำกระเบื้องเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องความชื้นและเชื้อรา ตั้งแต่ต้นเพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้นและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

วิธีการป้องกันหลีกเลี่ยงเชื้อราบนกระเบื้องในห้องน้ำ

ปัญหาการเกิดเชื้อราในกระเบื้อง ในห้องน้ำส่วนมากมักจะเกิดจากการที่ตัวยาแนว มีคราบสกปรกสะสมเช่นคราบอินทรีย์จากการอาบน้ำ และความชื้นของอุณหภูมิในห้องน้ำที่ส่งผลทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งวิธีการป้องกันเชื้อราในห้องน้ำสามารถทำได้ดังนี้

1. ห้องน้ำควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก มีการติดตั้งพัดลมระบายอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นที่มากเกินไปซึ่งเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย
2. เช็ดทำความสะอาดพื้นกระเบื้องห้องน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ให้คราบสกปรกเหล่านั้นเกิดเป็นคราบฝั้งแน่น
3. คราบต่างๆ ที่ฝังแน่น กำจัดยากควรใช้ไฮเตอร์ 25% ผสมกับเบกกิ้งโซดา 75% แล้วทาลงไปตามคราบ ทิ้งไว้สักสิบห้านาทีแล้วจึงขัดซ้ำ

 

เชื้อราในเนื้อกระเบื้อง02

วิธีการป้องกันและหลีกเลี่ยงเชื้อราบนกระเบื้องในห้องครัว

พื้นในห้องครัวจัดเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่มักจะเกิดปัญหาเชื้อราบนกระเบื้องได้พอๆ กับห้องน้ำ ซึ่งสำหรับวิธีการดูแลรักษา เพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นคุณสามารถทำตามได้ดังนี้

1.ทำความสะอาดกระเบื้องบ่อยครั้งเพื่อไม่ให้เกิดเป็นคราบสกปรกฝั้งแน่น
2.เช็ดทำความสะอาดตามซอกมุมต่างๆ 
3.ถ้ามีคราบฝังแน่นติดอยู่บนพื้นให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอุ่นแล้วนำมาถูพื้น ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ได้กับผนังในห้องครัวที่ปูด้วยเซรามิกเช่นกัน

วิธีการลดความชื้นในบ้าน สาเหตุหลักของการเกิดเชื้อราบนพื้น

ในเมื่อความชื้นคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเชื้อราบนกระเบื้อง เพราะฉะนั้นการรู้วิธีการจัดการกับความชื้นจึงเป็นเรื่องง่ายๆ เชื้อรากระเบื้องวิธีแก้ไข ที่ดี ที่คุณสามารถทำได้ในทุกๆ วันเพื่อดูแลบ้านที่คุณรัก ซึ่งคุณสามารถปฏิบัติตามได้ดังนี้

• ลองใช้ต้นไม้ลดความชื้นในพื้นที่ตรงนั้น เช่น เฟิร์นบอสตัน ปาล์มใบไผ่ ไอวี่อังกฤษ มอนสเตอร่า เป็นต้น และยังมีต้นไม้ที่ช่วยในเรื่องของความชื่นได้อีกหลายต้น ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ต้นไม้จำพวกนี้จะมีการดูดซับความชื้นการพื้นที่นั้นๆ ในเวลาที่มีความชื้นมากๆ ส่วนในเวลาที่ห้องมีความแห้งเกินไปหรือร้อนเกินไปก็จะคลายความชื้นออกมา เพื่อช่วยปรับสมดุลในห้องนั้นเอง
• หมั่นทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพื้นห้องน้ำและผนัง ขัดตามร่องยาแนวด้วยแปรงสีฟันเก่า เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง
• เปิดประตูบานเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่แดดจัดๆ โดยแนะนำว่าให้เปิดประตูเฉพาะ ในด้านที่หันไปทางทิศใต้หรือตะวันออกเท่านั้น หลีกเลี่ยงการปิดประตูหน้าต่างทึบอยู่ตลอดเวลา

เชื้อราในเนื้อกระเบื้อง03

เมื่อกระเบื้องเป็นเชื้อราแล้วสามารถแก้ไขได้อย่างไร

หลายคนที่เข้ามาอ่านในบทความนี้หลายคนคงจะเจอปัญหานี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นลองมาทำตามกันไปพร้อมๆกันเลย

1. ล้างทำความสะอาดพื้นที่โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำทั่วไปล้างและขัดออกก่อน ถ้าคราบสกปรกและเชื้อราสามารถล้างออกได้ก็แสดงว่าเชื้อรายังไม่เข้าเนื้อกระเบื้อง.
2. ถ้าล้างแล้วยังเหลือคราบสกปรกที่ตามร่องยาแนวให้ใช้เครื่องมือขูดร่องยาแนวหรือมีดคัตเตอร์ขูดยาแนวออกให้หมด แล้วยาแนวใหม่.
3. หากเชื้อรายังอยู่ที่ผิวกระเบื้องแต่น้ำยาล้างห้องน้ำล้างไม่ออกแล้ว ให้ใช้ กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก ล้างทำความสะอาด **ต้องเช็คให้มั่นใจก่อนว่ากระเบื้องที่ใช้อยู่ปัจจุบันสามารถทนกรดได้มากน้อยขนาดใหน หากกระเบื้องที่ใช้เป็นกระเบื้องที่ไม่สามารถทนกรดได้ก็ห้ามใช้วิธีนี้เพราะกระเบื้องจะเป็นด่าง ผิวหน้ากระเบื้องจะไม่สวย.
4. สุดท้ายหากใช้ทุกวิธีข้างต้นแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เชื้อราเข้าไปในเนื้อกระเบื้องแล้วไม่สามารถขัดออกต้องทำใจรื้อและปูใหม่ เพราะเราไม่สามารถขัดด้านในกระเบื้องได้.

กระเบื้องพอร์ซเลน02

เลือกกระเบื้องที่มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ วิธีการป้องกันเชื้อราที่ดีที่สุด

การตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราบนกระเบื้อง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันปัญหาเชื้อราที่อาจจะเกิดขึ้นบนพื้นบ้านของคุณ ซึ่งการเลือกกระเบื้องที่มีคุณสมบัติที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราน้อยที่สุด ถือเป็นความคิดที่ดี ที่จะช่วยให้คุณสบายใจไปอีกเปราะ โดยกระเบื้องที่มีความเหมาะสมได้แก่

• กระเบื้องพอร์ซเลน
กระเบื้องชนิดนี้ค่อนข้างมีความหนาแน่นสูงมาก มีการเผาด้วยอุณหภูมิที่สูง มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่นจึงทำให้คุณสมบัติในการดูดซึมน้ำนั้นต่ำมาก เหมาะแก่การนำมาทำเป็นพื้นห้องน้ำและพื้นห้องครัวได้สบาย

• กระเบื้องแกรนิตโต้
เป็นกระเบื้องแนะนำอีกหนึ่งชนิดที่จะช่วยให้คุณสบายใจในเรื่อง กระเบื้องเชื้อรา ได้เป็นอย่างดี เพราะกระเบื้องชนิดนี้มีส่วนผสมเป็นหินแกรนิต มีความหนาแน่นสูงและมีความทนทาน มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ น้อยกว่า 0.1% ทนทานต่อความชื้นได้ดีเลยทีเดียว

เชื่อว่าทุกคนที่สร้างบ้านต้องการสิ่งที่ดีที่สุดและเกิดปัญหาภายหลังน้อยที่สุด ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาและรู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรทราบเป็นอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ต้องการ ผลิตภัณฑ์ดีๆ และได้รับคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง วันนี้คุณสามารถ ติดต่อได้โดยตรงได้เลยที่

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้องมีกี่ประเภท วิธีการใช้งานแบบใหน อยากปูกระเบื้องห้ามพลาด!

กระเบื้องมีกี่ประเภท เรื่องที่ต้องรู้ก่อนปลูกบ้าน

   ก่อนจะสร้างบ้านสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก็คือ กระเบื้องมีกี่ชนิด เพราะกระเบื้องถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งาน และตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยแต่ละประเภทนั้นก็ออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของคนสร้างบ้านที่ไม่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสีสัน ขนาด การเคลือบ และยังรวมถึงจุดประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ bezenceramictiles จึงจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักว่ากระเบื้องนั้นมีทั้งหมดกี่ชนิด เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด

กระเบื้องดินเผา

1. กระเบื้องดินเผา ราคาถูก ดูดซึมน้ำสูง

มาเริ่มกันที่ชนิดแรกนั่นก็คือกระเบื้องดินเผา “Earthenware Flooring Tiles” ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ค่อนข้างได้รับความนิยมน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ในปัจจุบัน ส่วนมากแล้วกระเบื้องชนิดนี้มักจะถูกนำมาทำเป็นหลังคา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้านแบบเรือนไทย ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำค่อนข้างสูงถึง 15-22% เลยทีเดียว มีข้อดีคือวัสดุชนิดนี้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องเซรามิก

2. กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องยอดนิยมในการสร้างบ้าน

กระเบื้องเซรามิก มีวัสดุทำมาจาก หิน แร่ และดิน นำมาผสมรวมกันและนำไปตากแดดให้แห้ง และหลังจากนั้นก็นำไปเผา ซึ่งกระเบื้องเซรามิกนี้ยิ่งเผาที่อุณหภูมิสูงมากยิ่งขึ้นก็จะส่งผลทำให้กระเบื้องเซรามิกนั้นมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกระเบื้องเซรามิก กระเบื้องมีกี่ประเภท ก็แบ่งออกเป็นสองชนิดก็คือแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบ

แบบเคลือบ กระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบ ตัววัสดุจะเป็น Stone Ware ในการเผาจะต้องใช้อุณหภูมิที่สูงกว่ากระเบื้องแบบที่ไม่เคลือบ โดยส่วนมากแล้วผลิตภัณฑ์มักจะผลิตออกมาเป็นสีขาว มีคุณสมบัติค่อนข้างทึบแสง มักจะใช้เป็นวัสดุในการปูพื้น และมีคุณสมบัติทึบแสง สามารถป้องกันการดูดซึมน้ำได้ระดับปานกลาง

แบบไม่เคลือบ กระเบื้องแบบไม่เคลือบส่วนมากแล้วจะถูกใช้สำหรับการปูผนัง เนื้อค่อนข้างละเอียด ไม่มีคุณสมบัติป้องกันการดูดซึมของน้ำได้ดีเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเคลือบ ซึ่งเซรามิกแบบไม่เคลือบ จะจัดอยู่ในประเภท Earthenware

กระเบื้องพอร์ซเลน

3. กระเบื้องพอร์ชเลน กระเบื้องที่มีคุณสมบัติทนทาน

กระเบื้องพอร์ชเลน คือกระเบื้องที่มีวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ไม่เป็นรอยขีดข่วนง่าย รูพรุนค่อนข้างน้อย มีคุณสมบัติในการป้องกันการดูดซึมได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะแก่การใช้งานในการปูผนัง หรือปูพื้นทั่วไป กระเบื้องชนิดนี้จะมีวัสดุผลิตจากดินขาวเป็นหลัก บวกกับแร่ชนิดอื่นๆ และจะต้องได้มีการผ่านกระบวนการเผาที่เกิน 1,300 องศาเซลเซียส

กระเบื้องโมเสก

4. กระเบื้องโมเสก หรือ Mosaic Tiles สวยและทน

กระเบื้องโมเสกจะเป็นกระเบื้องที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเหมาะแก่การใช้งานไม่ว่าจะเป็นการปูพื้นหรือว่าการปูผนัง เพราะว่าสามารถเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี กระเบื้องชนิดนี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีคุณสมบัติทนสภาวะกรดด่าง สีไม่ซีดจางง่าย ขนาดของกระเบื้องชนิดนี้จะมีประมาณ 30x30cm ส่วนมากแล้วคนนิยมใช้กระเบื้องประเภทนี้ไว้สำหรับการตกแต่งเพื่อความสวยงาม

บล็อกแก้ว

5. บล็อกแก้ว กระเบื้องคุณสมบัติโปร่งแสง

กระเบื้องแก้วเป็นกระเบื้องที่มีคุณลักษณะโปร่งแสง มีความทนทานเมื่อเปรียบเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจมีความคล้ายคลึงกันกับกระเบื้องโมเสก ซึ่งอย่าจำสับสนกัน กระเบื้องมีกี่ชนิด แต่ว่าจะสังเกตได้จากความมันวาวที่สูงกว่า ผลิตจากชิ้นแก้วที่นำมาขึ้นงานเป็นแผ่นกระเบื้อง แต่มีคุณสมบัติแตกต่างจากกระเบื้องโมเสกก็คือไม่สามารถทนทานต่อแรงน้ำหนักได้ดีเท่าไหร่เหมาะทั้งสำหรับการปูพื้นและปูผนัง

แผ่นหินอ่อน

6. แผ่นหินอ่อน หรือ Marble หรูหราและสวยงาม

กระเบื้องประเภทแผ่นหินอ่อนมีหลากหลายโทนสีแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สีขาว ไปจนถึงสีเขียวเข้ม และค่อนข้างมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าเป็นของไทยลักษณะจะเป็นลายชมพูพรานกระต่าย เขางอบ และแดงปราจีนเป็นต้น แต่โดยส่วนมากแล้วหินอ่อนที่ได้รับความนิยมและมีลวดลายที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์มักจะนำเข้ามาจากประเทศอิตาลี วัสดุชนิดนี้มีคุณสมบัติที่เงางาม แสดงออกถึงความหรูหรา อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างทนทาน เมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ เพราะมักจะไม่ผุ บวม หรือว่ากรอบ อีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาได้ง่าย แต่มีข้อยกเว้นนั้นก็คือไม่มีคุณสมบัติทนต่อสภาวะกรด ซึ่งอาจจะต้องระวังในส่วนของตรงนี้

กระเบื้องยาง

7. กระเบื้องยาง หรือ Poly Vinyl Chloride ยืดหยุ่นสูง

กระเบื้องยางจะเป็นกระเบื้องประเภทที่สามารถทนแรงเสียดทานและแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับ กระเบื้องมีกี่ประเภท และอยากได้วัสดุที่ทนทาน กระเบื้องยางอาจจะตอบโจทย์เพราะมีคุณสมบัติคงทนต่อความชื้น และมีความหนืดสูง ดังนั้นวัสดุชนิดนี้จึงกันลื่นได้ดี การทำความสะอาดหรือการติดตั้งก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย วัสดุจะผลิตจาก PVC ซึ่งในปัจจุบันนี้กระเบื้องยางถูกนำไปใช้งานค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการ ปูพื้นคอนโด ปูพื้นบ้าน ปูคืนสำนักงานหรือแม้แต่การใช้งานในโรงพยาบาลต่างๆ

ทำไมจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ กระเบื้องมีกี่ประเภท ก่อนซื้อกระเบื้อง?

การจะสร้างบ้านหรือการสร้างที่อยู่อาศัย สำนักงานต่างๆ การเลือกกระเบื้องถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเลือกให้ตรงกับความต้องการ ตรงกับความชื่นชอบแล้ว การรู้จักประเภทของกระเบื้อง ยังทำให้คุณสามารถเลือกชนิดได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้งาน การดูแลรักษาต่างก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดังนั้นแล้วก่อนจะตัดสินใจซื้อกระเบื้องอย่าลืมที่จะศึกษารายละเอียดให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยตนเองหรือแม้แต่การสอบถามจากเซลล์ หรือตัวแทนจำหน่ายที่ bezenceramictiles.com เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกระเบื้อง

กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรป
หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้องมีกี่ประเภท? เรื่องที่ต้องรู้ก่อนปลูกบ้าน

   ก่อนจะสร้างบ้านสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก็คือ กระเบื้องมีกี่ชนิด เพราะกระเบื้องถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งาน และตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยแต่ละประเภทนั้นก็ออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของคนสร้างบ้านที่ไม่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสีสัน ขนาด การเคลือบ และยังรวมถึงจุดประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ bezenceramictiles จึงจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักว่ากระเบื้องนั้นมีทั้งหมดกี่ชนิด เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด

กระเบื้องดินเผา

1. กระเบื้องดินเผา ราคาถูก ดูดซึมน้ำสูง

มาเริ่มกันที่ชนิดแรกนั่นก็คือกระเบื้องดินเผา “Earthenware Flooring Tiles” ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ค่อนข้างได้รับความนิยมน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ในปัจจุบัน ส่วนมากแล้วกระเบื้องชนิดนี้มักจะถูกนำมาทำเป็นหลังคา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้านแบบเรือนไทย ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำค่อนข้างสูงถึง 15-22% เลยทีเดียว มีข้อดีคือวัสดุชนิดนี้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกระเบื้องเซรามิก

กระเบื้องเซรามิก

2. กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องยอดนิยมในการสร้างบ้าน

กระเบื้องเซรามิก มีวัสดุทำมาจาก หิน แร่ และดิน นำมาผสมรวมกันและนำไปตากแดดให้แห้ง และหลังจากนั้นก็นำไปเผา ซึ่งกระเบื้องเซรามิกนี้ยิ่งเผาที่อุณหภูมิสูงมากยิ่งขึ้นก็จะส่งผลทำให้กระเบื้องเซรามิกนั้นมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกระเบื้องเซรามิก กระเบื้องมีกี่ประเภท ก็แบ่งออกเป็นสองชนิดก็คือแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบ

แบบเคลือบ กระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบ ตัววัสดุจะเป็น Stone Ware ในการเผาจะต้องใช้อุณหภูมิที่สูงกว่ากระเบื้องแบบที่ไม่เคลือบ โดยส่วนมากแล้วผลิตภัณฑ์มักจะผลิตออกมาเป็นสีขาว มีคุณสมบัติค่อนข้างทึบแสง มักจะใช้เป็นวัสดุในการปูพื้น และมีคุณสมบัติทึบแสง สามารถป้องกันการดูดซึมน้ำได้ระดับปานกลาง

แบบไม่เคลือบ กระเบื้องแบบไม่เคลือบส่วนมากแล้วจะถูกใช้สำหรับการปูผนัง เนื้อค่อนข้างละเอียด ไม่มีคุณสมบัติป้องกันการดูดซึมของน้ำได้ดีเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเคลือบ ซึ่งเซรามิกแบบไม่เคลือบ จะจัดอยู่ในประเภท Earthenware

กระเบื้องพอร์ซเลน

3. กระเบื้องพอร์ชเลน กระเบื้องที่มีคุณสมบัติทนทาน

กระเบื้องพอร์ชเลน คือกระเบื้องที่มีวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ไม่เป็นรอยขีดข่วนง่าย รูพรุนค่อนข้างน้อย มีคุณสมบัติในการป้องกันการดูดซึมได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะแก่การใช้งานในการปูผนัง หรือปูพื้นทั่วไป กระเบื้องชนิดนี้จะมีวัสดุผลิตจากดินขาวเป็นหลัก บวกกับแร่ชนิดอื่นๆ และจะต้องได้มีการผ่านกระบวนการเผาที่เกิน 1,300 องศาเซลเซียส

กระเบื้องโมเสก

4. กระเบื้องโมเสก หรือ Mosaic Tiles สวยและทน

กระเบื้องโมเสกจะเป็นกระเบื้องที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเหมาะแก่การใช้งานไม่ว่าจะเป็นการปูพื้นหรือว่าการปูผนัง เพราะว่าสามารถเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี กระเบื้องชนิดนี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีคุณสมบัติทนสภาวะกรดด่าง สีไม่ซีดจางง่าย ขนาดของกระเบื้องชนิดนี้จะมีประมาณ 30x30cm ส่วนมากแล้วคนนิยมใช้กระเบื้องประเภทนี้ไว้สำหรับการตกแต่งเพื่อความสวยงาม

บล็อกแก้ว

5. บล็อกแก้ว คุณสมบัติโปร่งแสง

กระเบื้องแก้วเป็นกระเบื้องที่มีคุณลักษณะโปร่งแสง มีความทนทานเมื่อเปรียบเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจมีความคล้ายคลึงกันกับกระเบื้องโมเสก ซึ่งอย่าจำสับสนกัน กระเบื้องมีกี่ชนิด แต่ว่าจะสังเกตได้จากความมันวาวที่สูงกว่า ผลิตจากชิ้นแก้วที่นำมาขึ้นงานเป็นแผ่นกระเบื้อง แต่มีคุณสมบัติแตกต่างจากกระเบื้องโมเสกก็คือไม่สามารถทนทานต่อแรงน้ำหนักได้ดีเท่าไหร่เหมาะทั้งสำหรับการปูพื้นและปูผนัง

แผ่นหินอ่อน

6. แผ่นหินอ่อน หรือ Marble หรูหราและสวยงาม

กระเบื้องประเภทแผ่นหินอ่อนมีหลากหลายโทนสีแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สีขาว ไปจนถึงสีเขียวเข้ม และค่อนข้างมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าเป็นของไทยลักษณะจะเป็นลายชมพูพรานกระต่าย เขางอบ และแดงปราจีนเป็นต้น แต่โดยส่วนมากแล้วหินอ่อนที่ได้รับความนิยมและมีลวดลายที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์มักจะนำเข้ามาจากประเทศอิตาลี วัสดุชนิดนี้มีคุณสมบัติที่เงางาม แสดงออกถึงความหรูหรา อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างทนทาน เมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ เพราะมักจะไม่ผุ บวม หรือว่ากรอบ อีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาได้ง่าย แต่มีข้อยกเว้นนั้นก็คือไม่มีคุณสมบัติทนต่อสภาวะกรด ซึ่งอาจจะต้องระวังในส่วนของตรงนี้

กระเบื้องยาง

7. กระเบื้องยาง หรือ Vinyl Tiles ยืดหยุ่นสูง

กระเบื้องยางจะเป็นกระเบื้องประเภทที่สามารถทนแรงเสียดทานและแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับ กระเบื้องมีกี่ประเภท และอยากได้วัสดุที่ทนทาน กระเบื้องยางอาจจะตอบโจทย์เพราะมีคุณสมบัติคงทนต่อความชื้น และมีความหนืดสูง ดังนั้นวัสดุชนิดนี้จึงกันลื่นได้ดี การทำความสะอาดหรือการติดตั้งก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย วัสดุจะผลิตจาก PVC ซึ่งในปัจจุบันนี้กระเบื้องยางถูกนำไปใช้งานค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการ ปูพื้นคอนโด ปูพื้นบ้าน ปูคืนสำนักงานหรือแม้แต่การใช้งานในโรงพยาบาลต่างๆ

ทำไมจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ กระเบื้องมีกี่ประเภท ก่อนซื้อกระเบื้อง?

การจะสร้างบ้านหรือการสร้างที่อยู่อาศัย สำนักงานต่างๆ การเลือกกระเบื้องถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเลือกให้ตรงกับความต้องการ ตรงกับความชื่นชอบแล้ว การรู้จักประเภทของกระเบื้อง ยังทำให้คุณสามารถเลือกชนิดได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้งาน การดูแลรักษาต่างก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดังนั้นแล้วก่อนจะตัดสินใจซื้อกระเบื้องอย่าลืมที่จะศึกษารายละเอียดให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยตนเองหรือแม้แต่การสอบถามจากเซลล์ หรือตัวแทนจำหน่ายที่ bezenceramictiles.com เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกระเบื้อง

กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรป
หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้องพอร์ซเลนคือ

กระเบื้องพอร์ซเลน “Porcelain Tiles” คืออะไร?

   เชื่อว่าคนที่กำลังจะสร้างบ้านและกำลังตัดสินใจเลือกกระเบื้องปูพื้น กระเบื้องผนัง น่าจะเคยได้ยินคำว่า กระเบื้องพอร์ซเลนกันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่ทราบว่ากระเบื้องพอร์ซเลน คืออะไร ใช้งานยังไง วันนี้ BEZEN จะมาแนะนำทุกๆคนให้รู้จักกับ”กระเบื้องพอร์ซเลน”ให้มากขึ้น ที่จะช่วยให้ทุกคน สามารถเลือกซื้อกระเบื้องได้อย่างถูกต้อง และตรงตามความต้องการมากที่สุด.
กระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน คืออะไร ?

เป็นหนึ่งในกระเบื้องที่มีความทนทานที่สุดในบรรดากระเบื้องหลายๆแบบ ในส่วนของการผลิตนั้น จะมีส่วนผสมของดินขาวเป็นหลัก รวมกับแร่และส่วนผสมอื่นๆ (ขึ้นอยู่กับสูตรการผลิตของผู้ผลิตนั้นๆ) และผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส จนเนื้อกระเบื้องถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือ กระเบื้องโฮโมจีเนียส กระเบื้องจึงมีความแข็งแรง ทนทาน  และมีค่าการดูดซึมน้ำอยู่เฉลี่ยประมาณ 0.5% ซึ่งกระเบื้องเซรามิกทั่วไปจะอยู่ที่ราวๆ 3-10% ส่วนพวกอิฐแดงก็จะมากกว่า 10% ขึ้นไป

การใช้งานกระเบื้องพอร์ซเลน

ใช้กรุผนัง ภายนอกและภายในอาคารได้ เพราะคุณสมบัติของพอร์ซเลนนั้นสามารถทนแดด ทนฝน ได้ดี ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กันทั้งกำแพงรั้ว เสาหน้าบ้าน กำแพงบ้านและยังสามารถใช้งานภายในอาคารได้ไม่ว่าจะใช้ปูผนังห้องน้ำหรือแม้แต่ผนังห้องนั่งเล่นได้ เนื้อกระเบื้องที่มีรูพรุนน้อย จึงไม่มีปัญหาดูดซึมความชื้น

ใช้ปูพื้น เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติกันน้ำและกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี เป็นวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานสูง นอกจากความทนทานแล้ว ยังมีดีไซน์ที่หลากหลาย ช่วยให้คุณใช้ตกแต่งห้องน้ำหรือห้องครัวในฝันของคุณได้ สามารถใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นห้องน้ํา กระเบื้องปูพื้นห้องครัว และเหมาะอย่างยิ่งที่ใช้เป็น กระเบื้องปูพื้นภายนอก หรือกระเบื้องปูพื้นโรงรถก็ได้ (กระเบื้องบีเซนรับแรงกดได้เฉลี่ย 450 กก./ตารางเซนติเมตร)

สามารถจัดวางแพทเทิร์นในการปูให้มีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพื้นที่นั้นๆ ลวดลายและผิวสัมพัสของกระเบื้องพอร์ซเลนสามารถทำให้เหมือนกับหินธรรมชาติหรือลายไม้ก็ได้ ซึ่งเมื่อนำไปปูภายนอกทำให้ได้รูปแบบที่สวยงามกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวบ้านได้เป็นอย่างดี หรือการนำไปใช้ภายในอาคารก็สามารถสร้างความน่าสนใจหรือเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ความทนทานของกระเบื้องพอร์ซเลน

ทนทานต่อการขูดขีด เพราะมีค่าความแข็งสูง ซึ่งรอยขูดขีดจาก มีด กรรไกร จะไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้ , ทนทานต่อความร้อนและแสงUV  ทนทานต่อความชื้น เชื้อรา คราบตะไคร่ เพราะเนื้อกระเบื้องที่มีรูพรุนน้อยและค่าการดูดซึมน้ำต่ำอยู่ราวๆ 0.5% , ทนทานต่อกรดด่าง และสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ส่วนน้ำหนักที่แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้ผลิตนั้นๆว่ารับได้มากเท่าไหร่

การดูแลรักษา

กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่ดูแลรักษาง่ายทั้งในเรื่องของรอยขูดขีดที่เกิดขึ้นยาก เชื้อราในเนื้อกระเบื้องที่เกิดยากเพราะค่าการดูดซึมน้ำต่ำ การดูแลรักษากระเบื้อง จึงมีแค่การดูแลความสะอาดจากคราบสกปรกและฝุ่นที่เกิดขึ้น โดย ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว หรือหากเป็นคราบเปื้อนมากๆก็ควรเช็ดออกโดยทันทีไม่ให้เกิดคราบฝั้งลึก.

กระเบื้องพอร์ซเลน02

ข้อดี ข้อเสีย ของกระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีข้อดีข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อย เราจะมาดูกันว่ากระเบื้องพอร์ซเลนนั้น ดีไม่ดีอย่างไร

ข้อดี
1. มีความคงทนแข็งแรงสูง :  เพราะผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส จนกระเบื้องมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น เนื้อกระเบื้องจึงมีความแข็งแรง
2. การดูดซึมน้ำที่ต่ำกว่า 0.5% : ซึ่งหมายความว่าทำให้เกิดเชื้อรากระเบื้องได้ยาก สามารถใช้งานในที่ที่มีความชื้นหรือเปียกน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเชื้อราในเนื้อกระเบื้อง
3. ทนทานต่อการขูดขีด : เพราะกระเบื้องมีค่าความแข็งแรงที่สูงจึงทำให้กระเบื้องประเภทนี้จะเป็นรอยยาก
4. รับน้ำหนักได้มาก : กระเบื้องผ่านความร้อนสูงเนื้อกระเบื้องจึงมีความแข็งแรงมากส่วนใหญ่กระเบื้องประเภทนี้จะรับน้ำหนักได้มากกว่ากระเบื้องเซรามิกที่ผ่านความร้อนต่ำหรือกระเบื้องดินเผา
5. อายุการใช้งานยาวนาน คุ้มค่ากับการลงทุน

ข้อเสีย
1. มีราคาสูง เนื่องจากวัตถุดิบที่มีราคาสูงและกระบวนการในการผลิตที่ต้องเน้นเรื่องความพิถีพิถันอย่างมาก
2. ในประเทศไทยยังมีลวดลายให้เลือกไม่มากนักเมื่อเทียบกับกระเบื้องเซรามิก แต่ตลาดยุโรปนั้นกระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะอากาศที่สุดขั่วของประเทศในแทบยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น หลายๆที่
จะเลือกใช้ เป็นตัวเลือกแรกๆเลยก็ว่าได้.

  ที่นี้ทุกคนน่าจะได้เห็นแล้วว่ากระเบื้องพอร์ซเลนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวหากมองที่ความคุ้มค่า การใช้งานได้ยาวนาน และปัญหาจุกจิกน้อยหรือเรียกได้ว่า เจ็บแต่จบ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของทุกคนแล้วว่าต้องการเลือกกระเบื้องแบบใหน ใช้งานยังไง เพราะกระเบื้องแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ดีที่สุดคือการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณของแต่ละคน

กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรป ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่ Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981
โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้องพอร์ซเลน “Porcelain Tiles” คืออะไร?

   เชื่อว่าคนที่กำลังจะสร้างบ้านและกำลังตัดสินใจเลือกกระเบื้องปูพื้น กระเบื้องผนัง น่าจะเคยได้ยินคำว่า กระเบื้องพอร์ซเลนกันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่ทราบว่ากระเบื้องพอร์ซเลน คืออะไร ใช้งานยังไง วันนี้ BEZEN จะมาแนะนำทุกๆคนให้รู้จักกับ”กระเบื้องพอร์ซเลน”ให้มากขึ้น ที่จะช่วยให้ทุกคน สามารถเลือกซื้อกระเบื้องได้อย่างถูกต้อง และตรงตามความต้องการมากที่สุด.

กระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน คืออะไร?

เป็นหนึ่งในกระเบื้องที่มีความทนทานที่สุดในบรรดากระเบื้องหลายๆแบบ ในส่วนของการผลิตนั้นจะมีส่วนผสมของดินขาวเป็นหลัก รวมกับแร่และส่วนผสมอื่นๆ

(ขึ้นอยู่กับสูตรการผลิตของผู้ผลิตนั้นๆ) และผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส จนเนื้อกระเบื้องถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือ กระเบื้องโฮโมจีเนียส กระเบื้องจึงมีความแข็งแรง ทนทาน  และมีค่าการดูดซึมน้ำอยู่ราวๆ 0.5% ซึ่งกระเบื้องเซรามิกทั่วไปจะอยู่ที่ราวๆ 3-10% ส่วนพวกอิฐแดงก็จะมากกว่า 10% ขึ้นไป.

การใช้งาน กระเบื้องพอร์ซเลน

ใช้กรุผนัง ภายนอกและภายในอาคารได้ เพราะคุณสมบัติสามารถทนแดด ทนฝน ได้ดี ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กันทั้งกำแพงรั้ว เสาหน้าบ้าน กำแพงบ้านและยังสามารถใช้งานภายในอาคารได้ไม่ว่าจะใช้ปูผนังห้องน้ำหรือแม้แต่ผนังห้องนั่งเล่นได้ เนื้อกระเบื้องที่มีรูพรุนน้อย จึงไม่มีปัญหาดูดซึมความชื้น 

ใช้ปูพื้น เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติกันน้ำและกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี เป็นวัสดุปูพื้นที่มีความทนทานสูง นอกจากความทนทานแล้ว กระเบื้องปูพื้นพอร์ซเลนยังมีดีไซน์ที่หลากหลาย ช่วยให้คุณใช้ตกแต่งห้องน้ำหรือห้องครัวในฝันของคุณได้ สามารถใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นห้องน้ํา กระเบื้องปูพื้นห้องครัว เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นภายนอก หรือกระเบื้องปูพื้นโรงรถก็ได้ (กระเบื้องบีเซนรับน้ำหนักได้เฉลี่ย 450 กก./ตารางเซนติเมตร)

สามารถจัดวางแพทเทิร์นในการปูให้มีรูปแบบที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับพื้นที่นั้นๆ ลวดลายและผิวสัมพัสของกระเบื้องพอร์ซเลนสามารถทำให้เหมือนกับหินธรรมชาติหรือลายไม้ก็ได้ ซึ่งเมื่อนำไปปูภายนอกทำให้ได้รูปแบบที่สวยงามกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวบ้านได้เป็นอย่างดี หรือการนำไปใช้ภายในอาคารก็สามารถสร้างความน่าสนใจหรือเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ความทนทานของ กระเบื้องพอร์ซเลน

ทนทานต่อการขูดขีด เพราะจะมีค่าความแข็งสูง ซึ่งรอยขูดขีดจาก มีด กรรไกร จะไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้ , ทนทานต่อความร้อนและแสงUV 

ทนทานต่อความชื้น เชื้อรา คราบตะไคร่ เพราะเนื้อกระเบื้องที่มีรูพรุนน้อยและค่าการดูดซึมน้ำต่ำอยู่ราวๆ 0.5% , ทนทานต่อกรดด่างและสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ส่วนน้ำหนักที่แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้ผลิตนั้นๆว่ารับได้มากเท่าไหร่

การดูแลรักษา

กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่ดูแลรักษาง่ายทั้งในเรื่องของรอยขูดขีดที่เกิดขึ้นยาก เชื้อราในเนื้อกระเบื้องที่เกิดยากเพราะค่าการดูดซึมน้ำต่ำ

การดูแลรักษาจึงมีแค่การดูแลความสะอาดจากคราบสกปรกและฝุ่นที่เกิดขึ้น

โดย ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว หรือหากเป็นคราบเปื้อนมากๆก็ควรเช็ดออกโดยทันทีไม่ให้เกิดคราบฝั้งลึก

กระเบื้องพอร์ซเลน02

ข้อดี ข้อเสีย ของกระเบื้องพอร์ซเลน

กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีข้อดีข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อย เราจะมาดูกันว่ากระเบื้องพอร์ซเลนนั้น ดีไม่ดีอย่างไร

ข้อดี

มีความคงทนแข็งแรงสูง

เพราะผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,300 องศาเซลเซียส จนกระเบื้องมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น เนื้อกระเบื้องจึงมีความแข็งแรง

การดูดซึมน้ำที่ต่ำกว่า 0.5%

ซึ่งหมายความว่าทำให้เกิดเชื้อรากระเบื้องได้ยาก สามารถใช้งานในที่ที่มีความชื้นหรือเปียกน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเชื้อราในเนื้อกระเบื้อง

ทนทานต่อการขูดขีด

เพราะกระเบื้องมีค่าความแข็งแรงที่สูงจึงทำให้กระเบื้องประเภทนี้จะเป็นรอยยาก

รับน้ำหนักได้มาก

กระเบื้องผ่านความร้อนสูงเนื้อกระเบื้องจึงมีความแข็งแรงมากส่วนใหญ่กระเบื้องประเภทนี้จะรับน้ำหนักได้มากกว่ากระเบื้องเซรามิกที่ผ่านความร้อนต่ำหรือกระเบื้องดินเผา

อายุการใช้งานยาวนาน คุ้มค่ากับการลงทุน

เนื่องจากกระเบื้องมีราคาสูงแต่สามารถใช้งานได้ยาวนานปัญหาน้อย การลงทุนกับกระเบื้องพอร์ซเลนก็เป็นสิ่งที่น่าลงทุนกับบ้าน.

ข้อเสีย

มีราคาสูง

เนื่องจากวัตถุดิบที่มีราคาสูงและกระบวนการในการผลิตที่ต้องเน้นเรื่องความพิถีพิถันอย่างมาก

ในประเทศไทยยังมีลวดลายให้เลือกไม่มากนัก

เมื่อเทียบกับกระเบื้องเซรามิก แต่ตลาดยุโรปนั้นกระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะอากาศที่สุดขั่วของประเทศในแทบยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น หลายๆที่จะเลือกใช้ กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นตัวเลือกแรกๆเลยก็ว่าได้.

 

  ที่นี้ทุกคนน่าจะได้เห็นแล้วว่ากระเบื้องพอร์ซเลนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวหากมองที่ความคุ้มค่า การใช้งานได้ยาวนาน และปัญหาจุกจิกน้อยหรือเรียกได้ว่า เจ็บแต่จบ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของทุกคนแล้วว่าต้องการเลือกกระเบื้องแบบใหน ใช้งานยังไง เพราะกระเบื้องแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ดีที่สุดคือการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณของแต่ละคน

กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรปหากใครที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้อง Homogeneous คืออะไร คนรักบ้านต้องอ่าน

กระเบื้องโฮโมจีเนียส Homogeneous Tiles คืออะไร คนรักบ้านต้องอ่าน

    หลายคนอาจจะสงสัยว่า กระเบื้อง homogeneous คือ อะไรวันนี้เรามีคำตอบให้ กระเบื้องโฮโมจีเนียส ก็คือประเภทย่อยของกระเบื้องพอร์ซเลน ตัวกระเบื้องพอร์ซเลนจะเป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมหลักคือดินขาว ที่ผ่านอุณหภูมิการเผาไหม้ที่  1,300 องศาเซลเซียส จึงส่งผลทำให้เนื้อกระเบื้องค่อนข้างมีความเนียนละเอียดและมีความหนาแน่นสูง โดยกระเบื้องพอร์ซเลนจะถูกแบ่งออกเป็นสองชนิดก็คือแบบเนื้อเดียวและแบบเนื้อผสม

วันนี้ bezenceramictiles จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียว หรือที่เรียกกันว่า “Homogeneous” ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ไม่มีการเคลือบสี เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ซึ่งในกระบวนการผลิตนั้นจะมีการผสมสีเรียบร้อยแล้วในเนื้อดินก่อนที่จะนำไปเผา ซึ่งส่งผลให้เนื้อกระเบื้องและผิวหน้ากระเบื้องถูกหลอมรวมเป็นสีเดียวกันทั้งหมด

กระเบื้องโฮโมจีเนียส homogenous

กระเบื้องแบบใดบ้างที่เป็นกระเบื้องโฮโมจีเนียส

กระเบื้องแกรนิตโต้หรือกระเบื้องพอร์ซเลน คือกระเบื้องเซรามิก ที่มีการผลิตที่ผ่านกระบวนการเผาด้วยความร้อนที่สูงกว่า 1,300 องศาเซลเซียสจนเนื้อกระเบื้องหลอมละลายจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน  ดังนั้นกระเบื้องแกรนิตโต้และพอร์ซเลนจึงจัดอยู่ในประเภท กระเบื้องโฮโมจีเนียส แบบเนื้อเดียวหรือ Homogeneous Tile  ซึ่งมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างคงทนเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งเท่ากับหินแกรนิตของจริง  ไม่เป็นรอยง่ายทนต่อการขีดข่วนได้ดี และสามารถใช้งานได้ดีกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป อีกทั้งยังมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำน้อยกว่า 0.5%

เหมาะแก่การใช้งานแบบใดบ้าง

ด้วยความที่เนื้อกระเบื้องมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน รูพรุนน้อย แข็งแกร่งและคงทน จึงเหมาะแก่การใช้งานไม่ว่าจะเป็นใช้เป็น กระเบื้องปูพื้น กระเบื้องผนัง ภายนอกและภายในบ้าน การใช้ปูพื้นห้องน้ำ ห้องครัว บนทางเดิน โรงจอดรถนอกบ้าน และยังรวมถึงการใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นสำนักงานได้อีกด้วยเพราะว่าตัวกระเบื้องนั้นสามารถทนแรงกระแทกได้ดี ทนแดดทนฝน ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นที่จะต้องมีคนเดินผ่านสัญจรไปมาบ่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาอีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายดาย

คุณสมบัติสำคัญ

คุณสมบัติที่สำคัญของ กระเบื้อง homogeneous คือ การเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ตัวเนื้อของกระเบื้องจะต้องมีความละเอียดและแน่น เพื่อให้สามารถมีคุณสมบัติในการรับแรงได้สูง อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำที่ต่ำ ตัวอย่างเช่นเมื่อเทียบกับการใช้ กระเบื้องโฮโมจีเนียส และการใช้กระเบื้องแบบเซรามิกทั่วไป ในการปูพื้นกระเบื้องในห้องน้ำ กระเบื้องแบบโฮโมจีเนียส คือประเภทที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้น้ำยากันซึมเลย เพราะโอกาสในการรั่วไหลนั้นมีน้อยมาก นี่ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของกระเบื้องชนิด

กระเบื้องโฮโมจีเนียส มีกี่ประเภท มีแบบไหน

กระเบื้องโฮโมจีเนียส ก็สามารถแบ่งออกเป็นได้หลายแบบเช่นกัน โดยการจำแนกนั้นจะแบ่งตามวัสดุและเนื้อของกระเบื้อง ซึ่งวันนี้เรามาจำแนกให้เห็นกันอย่างชัดเจน พร้อมทั้งระบุข้อดีและข้อเสียได้ดังนี้

   โฮโมจีเนียส Full Body คือกระเบื้องที่มีสีอยู่ในเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น มีข้อดีก็คือเหมาะสำหรับการใช้ในงานหนักๆ เพราะมีความทนทานมากกว่าชนิดอื่น แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง

   โฮโมจีเนียส Double Loading กระเบื้องโฮโมจีเนียสแบบดับเบิลโหลด จะถูกแบ่งออกเป็นสองเลเยอร์ โดยชั้นล่างสุดจะเป็นเนื้อแบบพอร์ซเลนที่ไม่มีลาย และชั้นบนจะเป็นเนื้อพอร์ซเลนที่มีส่วนผสมของเม็ดสี จึงทำให้มีลวดลายที่สวยงาม เมื่อเทียบกับแบบฟูลบอดี้แล้วมีราคาถูกกว่า มีความแข็งแรงทนทานพอกันแต่ว่าลายมีให้เลือกค่อนข้างน้อย

   โฮโมจีเนียส Glazed Porcelain กระเบื้อง Glazed Porcelain ชนิดนี้จะมีการทำลวดลายให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะนำไปเผา จึงทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม มีข้อดีคือเป็น กระเบื้อง homogeneous คือ ที่ทำความสะอาดง่ายเพราะว่ามีหน้าเงา แต่ว่าความทนทานนั้นจะน้อยกว่าแบบ Full Body

   โฮโมจีเนียส Polished Glazed Porcelain กระเบื้องชนิดนี้จะมีความคล้ายคลึงกับ กระเบื้อง Glazed Porcelain แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ จะมีความเงางามมากกว่าเพราะว่าหลังจากที่เผาเรียบร้อยแล้วจะนำออกมาขัดอีกครั้ง มีข้อดีนั่นก็คือในเรื่องของลวดลายที่มีให้เลือกมากกว่าไม่ว่าจะเป็นลายหินธรรมชาติ หรือว่าลายหินอ่อน การทำความสะอาดนั้นง่ายกว่าชนิดอื่นๆ ทั้งหมด แต่มีข้อเสียในเรื่องของความทนทานที่น้อยกว่าชนิดอื่น และมีราคาสูงกว่า Glazed Porcelain

กระเบื้องโฮโมจีเนียส homogenous01

ข้อแตกต่างระหว่างกระเบื้องเซรามิกทั่วไป กับ กระเบื้องโฮโมจีเนียส Homogeneous 

เพื่อให้คุณสามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงจะมาเปรียบเทียบกันระหว่างคุณสมบัติของกระเบื้องเซรามิกทั่วไปและ กระเบื้องโฮโมจีเนียส ดังนี้

กระเบื้องโฮโมจีเนียส คุณภาพดีที่มีความแข็งแรง ตามที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น อีกทั้งยังมีลักษณะพื้นผิวที่มีความคล้ายคลึงกับหินธรรมชาติ  และยังสามารถพิมพ์กราฟิกออกมา เลียนแบบวัสดุประเภทอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากกระเบื้องเซรามิกประเภททั่วไป

กระเบื้องเซรามิกทั่วไป มีความหนาแน่นที่น้อยกว่า มีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานที่สามารถใช้ได้ภายในอาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ก็มีเทคโนโลยีมากมายในการผลิตน้ำยาเคลือบหน้ากระเบื้องที่ทำให้มีคุณสมบัติทนต่อความชื้นได้มากยิ่งขึ้น และมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย

    หวังว่าทุกคนน่าจะได้ความรู้กันแล้วว่า กระเบื้อง homogeneous คือ อะไร และสามารถนำไปเป็นช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อกระเบื้องได้ดีขึ้น กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรป หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่

Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน

กระเบื้องโฮโมจีเนียส Homogeneous Tiles คืออะไร คนรักบ้านต้องอ่าน

กระเบื้องโฮโมจีเนียส คืออะไร?

    หลายคนอาจจะสงสัยว่า กระเบื้อง homogeneous คือ อะไรวันนี้เรามีคำตอบให้ “กระเบื้องโฮโมจีเนียส” ก็คือประเภทย่อยของกระเบื้องพอร์ซเลน ตัวกระเบื้องพอร์ซเลนจะเป็นกระเบื้องที่มีส่วนผสมหลักคือดินขาว ที่ผ่านอุณหภูมิการเผาไหม้ที่  1,300 องศาเซลเซียส จึงส่งผลทำให้เนื้อกระเบื้องค่อนข้างมีความเนียนละเอียด และมีความหนาแน่นสูง โดยกระเบื้องพอร์ซเลนจะถูกแบ่งออกเป็นสองชนิดก็คือแบบเนื้อเดียวและแบบเนื้อผสม

วันนี้ bezenceramictiles จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกระเบื้องพอร์ซเลนแบบเนื้อเดียว หรือที่เรียกกันว่า “Homogeneous” ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ไม่มีการเคลือบสี เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ซึ่งในกระบวนการผลิตนั้นจะมีการผสมสีเรียบร้อยแล้วในเนื้อดินก่อนที่จะนำไปเผา ซึ่งส่งผลให้เนื้อกระเบื้องและผิวหน้ากระเบื้องถูกหลอมรวมเป็นสีเดียวกันทั้งหมด

กระเบื้องโฮโมจีเนียส homogenous

กระเบื้องแบบใดบ้างที่เป็นโฮโมจีเนียส

กระเบื้องแกรนิตโต้หรือกระเบื้องพอร์ซเลน คือกระเบื้องเซรามิก ที่มีการผลิตที่ผ่านกระบวนการเผาด้วยความร้อนที่สูงกว่า 1,300 องศาเซลเซียสจนเนื้อกระเบื้องหลอมละลายจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน  ดังนั้นกระเบื้องแกรนิตโต้จึงจัดอยู่ในประเภทกระเบื้องแบบเนื้อเดียวหรือ Homogeneous Tile  ซึ่งมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างคงทนเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งเท่ากับหินแกรนิตของจริง  ไม่เป็นรอยง่ายทนต่อการขีดข่วนได้ดี และสามารถใช้งานได้ดีกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป อีกทั้งยังมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำน้อยกว่า 0.5%

เหมาะแก่การใช้งานแบบใดบ้าง

ด้วยความที่กระเบื้องแบบโฮโมจีเนียสเป็นเนื้อเดียวกันและมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งและคงทน จึงเหมาะแก่การใช้งานไม่ว่าจะเป็นการใช้ปูพื้นภายในบ้าน การใช้ปูพื้นห้องน้ำ ห้องครัว บนทางเดิน โรงจอดรถนอกบ้าน และยังรวมถึงการใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นสำนักงานได้อีกด้วยเพราะว่าตัวกระเบื้องนั้นสามารถทนแรงกระแทกได้ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นที่จะต้องมีคนเดินผ่านสัญจรไปมาบ่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาอีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายดาย

คุณสมบัติสำคัญ

คุณสมบัติที่สำคัญของ กระเบื้อง homogeneous คือ การเป็นตัวเนื้อเดียวกันทั้งหมด ตัวเนื้อของกระเบื้องจะต้องมีความละเอียดและแน่น เพื่อให้สามารถมีคุณสมบัติในการรับแรงได้สูง อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำที่ต่ำ ตัวอย่างเช่นเมื่อเทียบกับการใช้กระเบื้องโฮโมจีเนียสและการใช้กระเบื้องแบบเซรามิกทั่วไป ในการปูพื้นกระเบื้องในห้องน้ำ กระเบื้องแบบโฮโมจีเนียส คือประเภทที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้น้ำยากันซึมเลย เพราะโอกาสในการรั่วไหลนั้นมีน้อยมาก นี่ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของกระเบื้องชนิด

กระเบื้องโฮโมจีเนียส มีกี่ประเภท มีแบบไหน

กระเบื้องโฮโมจีเนียส ก็สามารถแบ่งออกเป็นได้หลายแบบเช่นกัน โดยการจำแนกนั้นจะแบ่งตามวัสดุและเนื้อของกระเบื้อง ซึ่งวันนี้เรามาจำแนกให้เห็นกันอย่างชัดเจน พร้อมทั้งระบุข้อดีและข้อเสียได้ดังนี้

   โฮโมจีเนียส Full Body คือกระเบื้องที่มีสีอยู่ในเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น มีข้อดีก็คือเหมาะสำหรับการใช้ในงานหนักๆ เพราะมีความทนทานมากกว่าชนิดอื่น แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง

   โฮโมจีเนียส Double Loading กระเบื้องโฮโมจีเนียสแบบดับเบิลโหลด จะถูกแบ่งออกเป็นสองเลเยอร์ โดยชั้นล่างสุดจะเป็นเนื้อแบบพอร์ซเลนที่ไม่มีลาย และชั้นบนจะเป็นเนื้อพอร์ซเลนที่มีส่วนผสมของเม็ดสี จึงทำให้มีลวดลายที่สวยงาม เมื่อเทียบกับแบบฟูลบอดี้แล้วมีราคาถูกกว่า มีความแข็งแรงทนทานพอกันแต่ว่าลายมีให้เลือกค่อนข้างน้อย

   โฮโมจีเนียส Glazed Porcelain กระเบื้อง Glazed Porcelain ชนิดนี้จะมีการทำลวดลายให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะนำไปเผา จึงทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม มีข้อดีคือเป็น กระเบื้อง homogeneous คือ ที่ทำความสะอาดง่ายเพราะว่ามีหน้าเงา แต่ว่าความทนทานนั้นจะน้อยกว่าแบบ Full Body

   โฮโมจีเนียส Polished Glazed Porcelain กระเบื้องชนิดนี้จะมีความคล้ายคลึงกับ กระเบื้อง Glazed Porcelain แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ จะมีความเงางามมากกว่าเพราะว่าหลังจากที่เผาเรียบร้อยแล้วจะนำออกมาขัดอีกครั้ง มีข้อดีนั่นก็คือในเรื่องของลวดลายที่มีให้เลือกมากกว่าไม่ว่าจะเป็นลายหินธรรมชาติ หรือว่าลายหินอ่อน การทำความสะอาดนั้นง่ายกว่าชนิดอื่นๆ ทั้งหมด แต่มีข้อเสียในเรื่องของความทนทานที่น้อยกว่าชนิดอื่น และมีราคาสูงกว่า Glazed Porcelain

กระเบื้องโฮโมจีเนียส homogenous01

ข้อแตกต่างระหว่างกระเบื้องเซรามิกทั่วไป กับ กระเบื้อง Homogeneous

เพื่อให้คุณสามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงจะมาเปรียบเทียบกันระหว่างคุณสมบัติของกระเบื้องเซรามิกทั่วไปและกระเบื้องแบบโฮโมจีเนียส ดังนี้

โฮโมจีเนียส คุณภาพดีที่มีความแข็งแรง ตามที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น อีกทั้งยังมีลักษณะพื้นผิวที่มีความคล้ายคลึงกับหินธรรมชาติ  และยังสามารถพิมพ์กราฟิกออกมา เลียนแบบวัสดุประเภทอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากกระเบื้องเซรามิกประเภททั่วไป

กระเบื้องเซรามิกทั่วไป มีความหนาแน่นที่น้อยกว่า มีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานที่สามารถใช้ได้ภายในอาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ก็มีเทคโนโลยีมากมายในการผลิตน้ำยาเคลือบหน้ากระเบื้องที่ทำให้มีคุณสมบัติทนต่อความชื้นได้มากยิ่งขึ้น และมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย

    หวังว่าทุกคนน่าจะได้ความรู้กันแล้วว่า กระเบื้อง homogeneous คือ อะไร และสามารถนำไปเป็นช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อกระเบื้องได้ดีขึ้น กระเบื้องบีเซนเราเป็น กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีคุณภาพสูง แข็งแกร่ง ทนทาน คุณภาพระดับยุโรป

หากใครที่ต้องการหา กระเบื้องโฮโมจีเนียส Porcelain ไปใช้หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเบื้องเพื่อความเข้าใจที่ดีมากยิ่งขึ้นสามารถเข้ามาสอบถามเราได้ที่
Line : @Bezen | Facebook : Bezen Porcelain Ceramic Tiles กระเบื้องปูพื้น ผนัง | โทร : 02-422-5981

โลโก้ตัวแทนจำหน่าย

  กระเบื้องบีเซน